ทำไมผมถึงเขียน Blog? คุณล่ะ?

ผมเริ่มถามตัวเองว่า “ทำไมชอบเขียนบล็อค?” 

ผมมองว่าการเขียนบล็อคคือการเขียนไดอารี่ เป็นการจดเรื่องราวของตัวเองจากโลกแห่งความเป็นจริงๆ ลงมาสู่ตัวหนังสือ รูปภาพ หรือ วิีดีโอ ที่เป็นสื่อดิจิตอล จริงๆ มันก็คือกิจกรรมวันของคนๆ หนึ่ง

บล็อคของผมจะประกอบไปด้วย

• ผมกำลังคิดอะไรอยู่ แนวความคิด แนวการปฏิบัติของผม
• สิ่งที่ผมทำผ่านไปแล้ว และเป้าหมายของผมในชีวิต
• อื่นๆ จิปาถะ

“บางครั้งคนเรายังไม่รู้จักตัวเราเองเท่าไร แต่การรวบรวมสิ่งที่เราเห็น-สิ่งที่เราคิด-และสิ่งที่เราทำ และขีดเขียนมันออกมา มันจะทำให้เราเข้าใจตัวเราเองได้ดีมากขึ้น เราจะเห็นตัวเราเองชัดเจนมากขึ้นด้วยเช่นกัน”

 

มีช่วงนึงผมเขียน Blog น้อยลงไปมากๆ เพราะหันไปใช้ Social Network อย่าง Twitter และ Facebook อย่างมากๆ สิ่งที่ผมคิด ส่ิงที่ผมทำ ม้นได้ถูกถ่ายทอดผ่านช่องทางเหล่านั้นไปหมด แทบไม่เหลืออะไรให้กลับมาเขียน Blog อีกเลย  แล้ววันนึงผมก็กลับมาพบว่า สิ่งที่่ถ่ายทอดผ่าน Twitter หรือ Facebook มันคือส่ิงที่ไหลผ่านไปเร็วมาก และมันยากมาก ที่จะดึงมันกลับมา โดยเฉพาะในส่วนและช่วงเวลาทีสำคัญๆ  นั้นคือสาเหตุที่ผมเริ่มกลับมาเขียน Blog อีกครั้งหนึ่ง เพื่อรวบรวมสิ่งที่ผมสนใจ

 

บางครั้งสิ่งที่เราทำไปในแต่วัน เดือน ปี มันช่างมากมาย เยอะแยะไปหมด แต่หากเราได้จด หรือเขียน และดึงสิ่งที่เราทำ สิ่งที่เราชื่นชอบและประทับใจ ลงในบล็อค มันจะเป็นการรวบรวมสิ่งดีๆ ที่เราเคยทำเอาไว้ มันจะทำให้คุณ เห็นถึงคุณค่าของสิ่งที่เคยทำมาในอดีิต และมันอาจจะเป็นกำลังใจ และไฟให้คนอื่นๆ ที่มีโอกาสเข้ามาอ่านในบล็อคของคุณได้เช่นกัน

วันนี้คุณเขีียน Blog แล้วหรือยังครับ?

ปล. หากคุณอยากจะเขียน Blog ลอง WordPress แบบผมไหม? ผมว่าสะดวกดีนะ 

ได้เป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยเนชั่น

ดีใจที่ประเทศไทย มีมหาวิทยาลัยที่เน้นการศึกษาด้านออนไลน์อย่างจริงๆ จังๆ อย่างมหาวิทยาลัยเนชั่น ของคุณสุทธิชัยหยุ่น (@suthichai) ต้องยอมรับว่าวิสัยทัศน์ของทาง Nation นั้นล้ำกว่าคนอื่นๆ อย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการหันองค์กรทั้งองค์กรเข้าสู่ ดิจิตอลอย่างแท้จริง นักข่าว และทุกคนในองค์กร ต้องปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิตอล คุณจะเห็นการนำเสนอข่าว และสื่อต่างๆ ของเนชั่นจะมี สื่อออนไลน์เข้ารวมและเชื่อมโยงอยู่แทบทุกจุดของสื่อของเนชั่น นั้นคือสิ่งที่เกิดขึ้นมาเมื่อหลายปีมาแล้ว (ในขณะที่ช่องทีวีช่องอื่นยังไม่ไปไหน) การที่จะองค์กรจะหันไปในทิศทางนี้ได้ ผู้นำองค์กรมีบทอย่างอย่างมาก ต้องยอมรับว่าผู้บริหารเนชั่นมีวิสัยทัศน์ที่มองไปข้างหน้าจริงๆ ดังนั้นเมื่อทางเนชั่นหันมารุกทางด้านการศึกษา จึงไม่แน่แปลกใจว่า การยึดเอา Concept ของการได้เรียนรู้จริง จากมืออาชีพ และยังเน้นในด้านออนไลน์ดิจิตอลในหลักสูตรเช่นกัน  จะเป็นสิ่งที่มีอยู่ในหลักสูตรของที่นี่

แต่ที่เจ๋งไปกว่านั้นทาง มหาวิทยลัยเนชั่นก็ได้เชิญผมไปเป็นอาจารย์ในหลักสูตรด้านการตลาดออนไลน์ ดีใจครับ และผมไม่ลังเลเลยที่จะเข้าร่วมไปเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาครั้งนี้… ยิ่งด้วยเห็นรายชื่ออาจารย์และวิทยากรคนอื่นๆ แต่ละคนเป็นที่รู้จักในวงการอินเทอร์เน็ต ทำให้หลักสูตรนี้น่าเรียนมากกกกกกก…กกกก…  และผมยังเชื่อเสมอในสิ่งที่ผมยึดมั่นมาโดยตลอดว่า “ยิ่งคุณให้คนอื่นมากเท่าไร คุณจะยิ่งได้รับกลับมาเท่านั้น”

ดีจังทีในยุคนี้ มีอะไรให้เรียนแบบนี้ ในสมัยผมเริ่มต้นธุรกิจ ต้องหาเรียนรู้เอง ศึกษาเอง ทำให้คนในยุคใหม่ มีความได้เปรียบและโอกาสที่ดีมากๆ ครับ ดังนั้นหากคุณอยากจะเข้าสู่โลกการเรียนรู้ธุรกิจดิจิตอล ตอนนี้โอกาสมันเปิดมากๆ แล้วจริงๆ เหลือแต่ตัวคุณล่ะครับคุณจะไข่วคว้ามันหรือเปล่า? เอาจริงๆ แล้วการเรียนมันเกิดขึ้นได้ทุกที่ ไม่จำเป็นต้องไปนั่งเรียนในห้องเรียน แต่มันขึ้นอยู่กับตัวคุณเองแหละว่า ตัวคุณพร้อมที่รับและเรียนรู้อะไรใหม่ๆ หรือเปล่าครับ

(บทความนี้เขียนจากความรู้สึกส่วนตัวล้วนๆ นะครับ ไม่ใช่ข้อความโฆษณานะ)

 

 

ไปพูด E-Commerce & E-Payments World Asia

เมื่อวันศุกร์ที่ 28 เมษายน 2555 ผมได้มีโอกาสรับเชิญไปพูดที่งาน E-Commerce & E-Payments World Singapore ที่ประเทศสิงค์โปร์ งานนี้เป็นส่วนหนึ่งของงาน Internet Show ที่จัดขึ้นที่ SunTech City Exhibition หัวข้อที่ผมไปพูดคือ “การเปลี่ยนแปลงและพัฒนาของ E-Commerce รวมถึงพฤติกรรมของผู้ซื้อว่าเปลี่ยนไปอย่างไร” ผมได้เล่าถึงกรณีของ TARAD.com ที่เราได้พัฒนาตัวเองหลังจากได้ร่วมกับทาง Rakuten ในการนำโมเดล E-Commerce รูปแบบ B2B2C เข้ามาพัฒนาต่อ งานนี้ไม่ใหญ่มาก เพราะเป็นส่วนหนึ่งของงานอื่นๆ แต่ก็แอบภูมิใจ ที่ได้เป็นตัวแทนของประเทศไทย มาพูดถึงการเปลี่ยนแปลงของ E-Commerce ในประเทศไทย ให้คนต่างชาติได้ฟัง.!  เดินทางวันพฤหัสที่ 27 กลับศุกร์ที่ 28 ตอนค่ำ ถือว่าเป็นการเดินทางมาสิงค์โปร์ที่ใช้เวลาน้อยที่สุดของผมเลยครับ ไม่น่าจะเกิน 25 ชั่วโมง ฮ่าๆ

TARAD.com ยกระดับเข้าสู่การค้าผ่าน M-Commerce เต็มตัว

วันนี้ (26 เมษายน 2555) เป็นวันที่ TARAD.com จะก้าวไปอีกขั้นกับการ เปิดโลกการค้าผ่านทางโทรศัพท์มือถือ หรือ M-Commerce เพื่อต้องการให้คนไทย หันมาจับจ่าย ซื้อสินค้าผ่านทางมือถือกันมากขึ้น นอกเหนือจากช่องทางเว็บไซต์ปกติ ด้วยจำนวนคนใช้มือถือสูงถึง 70 ล้านเบอร์ในประเทศไทย (ประชากรไทยประมาณ 66 ล้านคน) การเปิดตัวของ 3G ของหลายๆ ค่ายโทรศัพท์ (Network) อุปกรณ์เครื่องมือสือสาร (Device) พัฒนาไปอย่างก้าวหน้า และบริการหรือข้อมูล (Content & Service) ที่เราจะพัฒนาขึ้นมาตอบสนองกับความต้องการและ Life Style ของคนไทย และเราตั้งใจจะ “เปลี่ยนพฤติกรรมคนไทย” ให้หันมาซื้อของหรือช๊อปปิ้งผ่านทางมือถือมากขึ้น นี้คือการก้าวเริ่มต้นการก้าวเข้าสู่ยุคของ m-Commerce ของไทยอย่างแท้จริงแล้ว โดย TARAD.com จะเป็นผู้เริ่มต้น ลงมือทำ และทำให้มันเป็นจริงครับ

TARAD.com กับการเริ่มต้น M-Commerce ตั้งแต่ปี 2002

เราเป็นคนทำเว็บ E-Commerce คนแรกๆ ของเมืองไทยที่เปิดตัว Mobile Version เราเปิดตัวบริการ Mobile Version ครั้งแรก ตั้งแต่ปี 2002 มาแล้วสมัยที่เป็น WAP Version และ Mobile Internet ยังเป็น GPRS อยู่เลย เราก็ให้บริการผ่านมือถือมาเรื่อยๆ ผ่าน URL : http://pda.TARAD.com (สำหรับ Version PDA) และ http://wap.tarad.com (สำหรับ Version บนมือถือ) โดยรูปแบบสมัยนั้น เป็นเพียงหน้าเว็บที่ถูกนำเอาข้อมูลมากมายออกไป เหลือไว้เฉพาะส่วนสำคัญให้คนสามารถเข้าไปค้นหาและเลือกดูสินค้าได้ ยังไม่มีระบบชำระเงินผ่านมือถือหรือออนไลน์ได้ในสมัยนั้น

ช่องทางการให้บริการของ TARAD.com ผ่านช่องทางต่างๆ (ในปี 2002)

TARAD เปิดตัวตะกร้าสินค้าสินค้า(Shopping cart)กระทุ้งยอดขายออนไลน์เมืองไทยให้โตขึ้น

เดือนเมษา 2012 นี้เป็นเดือนที่เราเปิดตัวระบบช๊อปปิ้งคาร์ท (Shopping Cart) Version 4.0 ตัวใหม่ขึ้น โดยเป็นการลดขั้นตอนการสั่งซื้อสินค้า จากเดิมต้องกดถึง 5 ขั้น แต่ระบบใหม่จะใช้เวลาเพียงแค่ 3 ขั้นตอนเพียงเท่านั้น ต้องขอ
ขอบคุณคุณหนุ่ม ฟิว ปุ๋ย โต้ส วิทย์ และทีมงานทุกๆ คนที่ช่วยพัฒนาระบบ Shopping Cart  ตัวใหม่นี้ขึ้นมาจนสำเร็จครับ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ จะทำให้วงการ E-Commerce เมืองไทยขยับไปอีกขั้นครับ… หากสนใจอยากลอง ลองเข้าไปซื้อสินค้าที่  www.TARAD.com สิครับ แล้วคุณจะรู้ว่ามันซื้อง่ายขึ้นมากจริง ๆ

ตัวอย่างของระบบ Shopping Cart ระบบใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไป

 

Zocial Inc จากของเล่นสู่ของจริง

13 เมษ 2012

ผมเป็นคนที่ชอบคิดนู้น คิดนี้ไปเรื่อย แต่สิ่งที่ต่างจากคนอื่นคือ “คิดแล้วชอบลงมือทำ” และมันดันมีน้องตั้ง (@Thangman22) มันดันเป็นคนชอบทำ และพัฒนาระบบต่างได้รวดเร็วมาก เมื่อคนคิดและคนทำมาเจอกัน ความบรรลัยทางด้านการทำงานใหม่ๆ ก็เกิดขึ้น เพราะผมจะคิดๆๆๆ ไอ้น้องตั้งมันก็ตั้งหน้าตั้งตา ทำออกมาให้ มันก็เลยสนุกละสิครับ

คิดแล้วได้ทำจริงๆ ผมกับตั้งทำงานด้วยกันมาหลายโปรเจ็กมาก มีหลายตัวที่ทำออกมาแล้วเป็นที่ฮือฮาเช่น TARAD Augmented Reality, TARAD Map และอื่นๆ อีกมากมายกายกอง ตอนปี 2011 เป็นช่วงที่ Social Network กำลังเริ่มต้น บูมขึ้นมา ผมกับตั้งพัฒนาระบบ จัดอันดับ Social Network ขึ้นมา แบ่งเป็นตามหมวดหมู่ ให้คนเข้ามาโหวตและจัดอันดับ โดยเป้าหมายของจะให้มันออกไปทั่วโลก เว็บนี้ชื่อว่า http://www.The1Social.com (ตอนนี้ปิดไปแล้ว)

เรานั่งทำกันอยู่นานมาก จริงๆ มันคือสนุกอะแหละ ผมคิดตั้งก็ทำ ทำกันไปทุกๆ วัน เราทำกันอยู่เกือบ 4-5 เดือนได้มั้ง สนุกจริงๆ ได้ลองอะไรใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อน Social Network API, การกวาดข้อมูล, การวิเคราะห์ข้อมูล, การจัดอันดับ เป็นต้น

The1Social.com เว็บแรกของการจัดอันดับ Social Network รายบุคคลที่เราพัฒนาขึ้นมา

การเปลี่ยนแปลงสิ่งใหญ่ๆ มักจะเริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ เสมอ

วันนี้ผม Email ไปหาน้องในทีม ECC ที่ TARAD.com และได้เขียนให้กำลังใจน้องๆ ซึ่งพอกลับมาอ่านอีกรอบ พบว่าข้อความมันช่างมีพลัง และเต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นของพวกเราทุกๆ คน เลยอยากนำข้อความบางส่วนเอามาเก็บไว้ที่นี่ เพื่อเป็นกำลังใจให้กับคนอื่น ที่อาจจะเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงประเทศนี้เช่นเดียวกัน

พวกคุณทุกคน คือกำลังหลักในการสร้างการเติบโตให้กับ ร้านค้าทุกๆ ร้านค้า เราขอให้กำลังใจทุกๆ คนและจงภูมิใจไว้เลยว่า “พวกคุณคือ คนที่กำลังทำให้ร้านค้าและธุรกิจกำลังเติบโต ทำให้หลายๆ ครอบครัวมีรายได้ และรวมถึงประเทศของเรา กำลังเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น” ถึงแม้มันอาจจะฟังดูเวอร์ แต่การเปลี่ยนแปลงสิ่งใหญ่ๆ มันจะเริ่มจากสิ่งเล็กๆ เสมอ..!  

คุณว่าจริงไหม?

เมื่อช้อปปิ้งมอลล์ออนไลน์ร่วมมือกับรถไฟฟ้าใต้ดิน.!

ในที่สุดโปรเจ็กนี้ก็สำเร็จ ในการร่วมมือระหว่าง MRT (รถไฟฟ้าใต้ดิน) กับ TARAD.com (ออนไลน์ช้อปปิ้งมอลล์) ในการนำร้านค้าออนไลน์เชื่อมโยงกับร้านค้าจริงๆ ที่สถานีรถไฟใต้ดิน ถือเป็นความร่วมมือครั้งแรกๆ ของโลกเลยที่ธุกกิจออนไลน์เชื่อมโยงกับหน้าร้านค้าจริงๆ สนใจไปช๊อปก็ไปซื้อออนไลน์ได้ที่ http://mrttarad.tarad.com ถือเป็นก้าวที่สำคัญของการ “ปฏิวัติ E-Commerce ของไทย”

เทคนิคการเขียนข่าวส่งนักข่าว (Press Release)

เทคนิคการเขียนข่าวส่งหานักข่าว (Press Release) ว่าต้องเขียนยังไงบ้าง จากประสบการณ์ผมเอง ที่หลังจากมีอะไรใหม่ๆ ผมจะส่งข่าวหานักข่าวเสมอเพื่อ ทำเป็นการส่งเสริมทำให้คนรู้จัก บริการใหม่ของเรามากขึ้นครับ

1. ย่อหน้าแรก – สรุปเนื้อข่าวทั้งหมดว่าพูดถึงอะไรบ้างประมาณ 3-4 บรรทัด

2. เนื้อหา – เป็นเนื้อหาที่เกี่ยวกับข่าว มีผู้บริหารพูดถึง มีตัวเลขทีน่าสนใจ มีอ้างอิงตัวอย่าง

3. สรุป – กล่าวสรุปและทิ้งท้าย

4. ภาพ – ภาพเกี่ยวข้องกับเรื่อง หากจะ capture เว็บขอให้มีภาพเด่นๆ อย่างเอาภาพที่มันมีองค์ประกอบเล็กๆ เพราะพอภาพมันย่อเล็ก มันจะดูไม่ออกเลยว่าคือภาพอะไร? อาจจะใช้ภาพคน (ผู้บริหารถ่าย) หรือ ภาพหน้าแรกของเว็บ

ตัวอย่างข่าว

– http://www.thairath.co.th/content/tech/252198

ร่วมมือกับ Kbank ผ่อน 0% กระตุ้นการซื้อออนไลน์

TARAD.com ได้ร่วมมือกับ ธนาคารกสิกรไทย ในการกระตุ้นการซื้อขายทางออนไลน์ โดยสามารถซื้อสินค้าใน TARAD.com ได้ส่วนลด 0% เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่เราต้องการทำให้คนไทย หันมาซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์กันมากขึ้น