Pawoot Personal Blog & Think Tank

E-Business Man Daily Life and What I'm Thinking

Archive for July 2008

24-25/5/08 เดินทางไปอเมริกา..กันเถอะ..เพื่อเรียนที่ Kellogg School of management

leave a comment »

    วันนี้ตื่นมาแต่เช้ามานั่งเตรียมงาน มาช่วงเช้ามาประชุมกับทีม TARADedu และต่อด้วยทีม TARAD หลังจากนั้นทางหนังสือ SME Thailand มาสัมภาษณ์ เรื่องการใช้งาน Printer Cannon โดย Cannon เลือกผมเป็น Testimonial ในหนังสือของเค้า คือว่ายุ่งมาก ไม่ได้กินข้าวเที่ยง ต้องมากินตอนบ่าย 2 ในห้องประชุม เหอะๆ ชีวิต… เอกสารมากมายให้เซนต์ เพราะต้องหายตัวไปจาก office 3 อาทิตย์ หลายๆ อย่างจึงต้องเตรียมไว้ดีๆ จำได้ว่าตั้งแต่เปิดบริษัทมา ผมหายไปจาก office นานสุดก็ตอนผมบวช ตอนนั้นเป็นเวลาเกือบ 1 เดือนที่ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับงานที่ office เลยหลังจากนั้น ต้องรีบออกจาก office เพื่อไปที่ สุวรรณภูมิ นัดเพื่อนๆ ตอน 4.00 โมง เพราะทาง Tour Agent บอกว่า ให้ไปเร็ว เพราะ flight นี้คนเยอะมาก (ผมว่าน่าจะเกิดจากเหตุการณ์น้ำมันมีราคาแพง ทำให้สายการบินต่างๆ พากันลดเที่ยวบินลง เพื่อประหยัดต้นทุน ส่งผลให้คนมากระจุกกันมากขึ้น ในแต่ละเที่ยวบิน)

อ้อลืมบอกไปว่าผมจะไปไหน? ผมต้องที่อเมริกา เป็นเวลา 3 อาทิตย์ครับตั้งแต่วันพฤหัสที่ 24 กรกฏาคม – 14 สิงหาคม 08 โดยเป็นการไปเพื่อไปเรียนต่อในหลักสูตร ของ ศศินทร์ ร่วมกับทาง Kellogg School of management ที่อยู่ที่ Chicago โดยเราจะเรียนกันหนักมากทีนั้น แบบอัดทั้งวัน ทำงาน Assignment ต่อตอนกลางคืน ตลอดทั้ง 2 อาทิตย์ และหลังจากนั้น ผมและเพื่อนๆ จะเดินทางต่อไป New York เที่ยวนิดหน่อยอีก 3 วันก่อนบินกลับ นี้คือภาพคร่าวๆ ของการเดินทางครั้งนี้

    และวันนี้การเดินทางของผมก็มี พี่สันติ พี่ชายใหญ่ใจดี VP Big Boss ใหญ่จากบริษัท ABB บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเครื่องจักรและอิเล็กทรอนิกส์ของโลกเลย โฮ่ะๆๆ ตามมาด้วย พี่ เอเค (AK) Country Manager ของบริษัทด้านเครื่องมือขุดเจาะน้ำมัน Scomi และ Hiro – AVP จาก NTT Docomo บริษัทด้าน Telecommunication จากญี่ปุ่น น่าเสียดายที่ครั้งนี้ พี่ศิวะ ผู้บริหารจาก ณุศาสิริ บริษัทด้าน Real Estate ไม่สามารถไปร่วม Trip ครั้งนี้กลับเราได้เพราะติดงานใหญ่ที่กรุงเทพ และสุดท้ายก็คือผมเองครับ พวกเราสถาปนาตัวเองเป็น แก็งค์ "Dream Team" ทีมที่ไม่ค่อยเอาอ่าวเท่าไรในด้านการเรียน โด่งดังไปทั่วห้อง……

Hiro กับ พี่ เอเค

พี่สันติ หัวหน้าใหญ่

    พอรู้จักเพื่อนร่วม Trip ครั้งนี้ อย่าพอหอมปากหอมคอแล้ว กลับมาถึงเวลาที่เรานัดกันตอน 4 โมงที่ สนามบินสุวรรณภูมิ โดยครั้งนี้เราเลือกเดินทางด้วยสายการบินไทย โดยเดินทางจาก กรุงเทพ ไป LA ไป NewYork ไป Chicago (เปลี่ยนเครื่อง 2 รอบกว่าจะถึง) รวมเวลาการเดินทางเกือบ 30 ชั่วโมง คิดดูว่าวันกว่า อยู่บนเครืองบินตลอด จริงๆ แล้วเราต้องบินตรงไป NewYork และต่อไป Chicago เราจองกันไปแล้ว แต่อยู่ๆ ทางการบินไทย ก็ขอยกเลิกเที่ยวบินนี้ เพราะว่าด้วยภาระต้นทุนด้านน้ำมันที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้เที่ยวบินนี้ต้องยกเลิกไป (ทำไมมาโดนตรงตูจะไปพอดีเลยฟะ) ซึ่งตรงนี้เองทำให้พี่สันติหัวหน้าพรรค Dream Team ของพวกเราไม่พอใจอย่างมาก และขอให้การบินไทย อัพเกรด และเปลี่ยนที่นั่งของเรา จาก Economy ไปเป็น Premium Economy แทน (เพิ่งเคยได้ยินเหมือนกัน Premium Economy) ซึ่งที่นั่งจะกว้างกว่า อาหารดีกว่า (มีให้เลือกได้ ปกติ Economy จะเลือกไม่ได้) ซึ่งทางการบินไทยตกลงยอม Upgrade ให้พวกเรา (Hip Hip Hurayyyyy) แต่จากการเปลี่ยนแปลงเที่ยวบินครั้งนี้ ทำให้การเดินทางของเราใช้เวลามากขึ้นกว่าเดินมาก….

    พวกเรามาถึงกันที่สนามบิน ผมมาถึงคนแรก เอ็มมาส่ง และตามมาด้วยพี่สันติ พี่เอเค และสุดท้าย Hiro ก็มา มาพร้อมกับ Yoko ภรรยาของ Hiro พวกเราไปแลกเงิน และเอ็มก็ให้ซื้อหนังสือไปอ่าน ซึ่งส่วนใหญ่เวลาผมเดินทางไปไหนไกล มักจะมีหนังสือไปอ่านด้วย แต่ครั้งนี้เตรียมไม่ทัน ก็เลยมาซื้อที่สนามบินแทน โดยเล่มที่เลือกมาครั้งนี้ ชื่อ " แผนลวงสะท้านโลก (Deception Point)" เล่มนี้เขียนโดย แดน บราวน์ ผู้เขียน "รหัสลับ ดาวินซี่ (Davince Code) ที่โด่งดังไปเมื่อปีที่ผ่านมา เล่มก่อนผมก็อ่านด้วยเช่นกัน โดยเล่มนี้จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ เรื่องราวลึกลับของ นาซ่าที่ขั่วโลกเหนือ เป็นการผสมผสานกันระหว่างนิยายวิทยาศาสตร์และเรื่องราวสืบสวนและหาสาเหตุ ตามสไตล์นาย บราวน์ เค้า ซึ่งต้องยอมรับว่าทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานข้อมูลจริงๆ (เหมือนกับ Davinci Code) มาดูกันว่าจะตื่นเต้นแค่ไหน และผมจะอ่านมันจบรึเปล่า ฮ่าๆๆ อันนี้สำคัญ

หนังสือ ของ Dan Brown

หลังจากนั้นพวกเราก็ผ่าน ส่วนตรวจคนเข้าเมืองไป และเข้าไปรอที่ เลาจน์ของการบินไทย Royal Silk Loung โดยพี่สันติพานำทีมเข้าไป ระหว่างทางที่ผมเข้าไปอัพเดทการเดินทางของผมเรื่อยๆ ใน Twitter.com และก็ถ่ายภาพบรรยกาศทั้งหมด Upload ขึ้นไปที่ Flickr.com ทันทีผ่านบริการของ Shozu.com ทันที ในเลาจน์ของการบินไทย มีอาหาร-เครื่องดื่มบริการฟรี อย่างไม่อั้น และยังมี WIFI Free อีกด้วย ผมก็เลยคว้า Laptop มาเปิด พรัอมกับเช็กเมล์รอบสุดท้ายก่อน พอมานั่งซักพักก็เจอ เจ๊ต่าย เพื่อนร่วม Class ที่ไปร่วมใน Flight นี้ด้วย ในระหว่างนี้ ผมก็ foward สายโทรศัพท์ของผมทั้งหมด ทั้งสองเครื่องไปที่น้องดาว เลขาคนเก่งของผม โดยผมมักใช้วิธีนี้ ทุกครั้งที่ไปต่างประเทศ และให้ดาวสรุปมาแต่วันส่งมาทาง E-Mail ว่า มีใครโทรมาหาผมบ้างในแต่ละวัน ซึ่งเป็นวิธีดีครับ เพราะจะได้เป็นการ screen เรื่องๆ สำคัญ และผมจะได้มาตลุยโทรกลับหาคนผ่าน Skype หรือ VOIP ในเรื่องที่เร่งด่วนในเวลาที่ผมมีโอกาส

เครื่องดิืม ฟรีไม่อั้นนนนน
เครืองดืมไม่อั้นที่ เลาจนืการบินไทย

    เรารอถึงประมาณเกือบ ทุ่มนึง ประตูก็เปิดแล้วก็เข้าไปนั่งในเครื่อง รอไปรอมาจนเครื่องออก… แต่ในระหว่างที่เครื่องกำลังเคลื่อนตัวไปที่รันเวย์ที่ Take off บินออกไปนั้น อยู่เครื่องก็เคลื่อนกลับมาที่เดิม แล้วเสียงกัปตันก็แจ้งบอกว่า ต้องขออภัย เพราะตรวจพบ อุปกรณ์ควบคุมแรงดันน้ำมันเสีย ต้องใช้เวลาเปลี่ยนประมาณ 30นาที – 1 ชั่วโมง ซึ่งก็ตองรอกันต่อไป แต่ที่น่าลุ้นคือ เราต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่ LA ซึ่งเรามีเวลาประมาณ 2 ชั่วโมงเพื่อเปลี่ยนเครือง แล้วเราจะไปทันเปลี่ยนเครื่องไป New York ทันไหมเนี่ย? มาลุ้นกัน ในระหว่างที่รอ ผมก็คว้า laptop มาเปิดและออนไลน์อีกผ่าน Air Card อีกครั้ง รออยู่ประมาณ 40 นาที กัปตันก็บอกว่าเราพร้อมออกเดินทางแล้ว นับว่าโชคดีที่เค้าตรวจพบก่อนว่า อุปกรณ์มันเสียตั้งแต่ก่อนบิน หากไปเจอกำลังบินอยู่บนอากาศไปแล้วผมว่า ท่ามันจะยุ่งกว่านี้นะ……

บรรยกาศบนเครื่องระหว่างรอ (ที่นั่ง Premium Economy)

    บนเครื่องเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานจริงๆ โชคดีที่ที่ทุกๆ ที่นั่งมีทีวีส่วนตัว สามารถเลือกชมหนังหรือเล่มเกมส์ ฟังเพลงส่วนตัวได้ ไม่ต้องรอดูพร้อมๆ ชาวบ้านเค้า… ส่วนผมก็กินๆ นอนๆ เปิด Laptop มาเช็กเมล์ (เก่า) ที่ยังไม่ได้อ่าน อย่าตกใจไปครับบนเครื่องไม่มี WIFI ครับ แต่โชคดีที่เค้ามีปลั๊กไฟ ให้ใต้ทุกๆ ที่นั่ง ทำให้ผมสามารถใช้ Laptop ได้สะดวกตลอดการเดินทาง (และในตอนที่เขียนตอนนี้ผมก็อยู่บนเครื่องนี้แหละ โดยขณะนี้เวลา 9.27 AM วันที่ 25/7/08) เรานั่งเครื่องมาได้ประมาณ  12 ชั่วโมงแล้ว นอนมาตลอดทาง อีกไม่กี่ชั่วโมงจะถึง LA แล้วละ

    ในที่สุดก็มาถึงสนามบิน LA อากาศที่นี่ไม่หนาวเท่าไร แต่เราค่อนข้างกังวล เพราะว่าเครื่องของเรา Delay ไป 2 ชั่วโมงซึ่งเราต้องมาต่อเครื่องของ United Airline อีกที ซึ่งปรากฏว่าพอมาถึงแล้ว สายการบิน United Airline ยกเลิกเที่ยวบินไปแล้ว ทำให้เราต้องดำเนินการ โดยออกจาก Teminal 7 (ที่ๆเราลง) ออกมา แล้วเดินทางไป Teminal 5 เพื่อไปที่ United Airline และทำการแจ้งว่าจะทำยังไง เพราะเราต้องเดินทางไปที่ NewYork และต่อเครื่องบินของสายการ Delta Airline อีกที เพื่อไปที่ Chicago ซึ่งหากพลาดการบินครั้งนี้ เท่ากับพลาดของอีกเที่ยวบินที่เราจะต้องไปด้วย …. คุยต่อรองต่ออยู่นาน เค้าก็บอกว่าให้ไปคุยกับ สายการบินไทยที่ผิด ที่ Delay เอง..! เราก็ต้องนั่งรถจาก Teminal 5 ไปอีก Terminal (จากTeminal หนึ่งไปอีกแห่งหนึ่งประมาณ 5 นาทีโดยรถบัส ที่มีวิ่งตลอด) แต่ของและกระเป๋าที่เราต้องแบกไปด้วย ตลอดโดยเฉพาะผม ญาติผมฝากของไปให้ญาติที่ NewYork ซึ่งผมต้องลากไปด้วย (ฝากมาเป็นกระเป๋าใหญ่มาก ทำให้ผมมี 2 กระเป๋าใหญ่ๆ)

เดินทางลากกระเป๋าไปมาระหว่าง teminal

    ไปถึงก็คุยกับสายการบินไทย เค้าก็ยอม ให้ที่พักเป็นโรงแรม Ramada 1 คืน 3 ห้อง และบอกว่าหากจะให้จัดการเรื่องเที่ยวบิน ต้องกลับไปที่สายการบิน United Airline เพราะเค้าเป็นคนยกเลิก Flight เอง เราก็ต้องนั่งรถกลับไปที่ Terminal 5 อีก แล้วกลับไปคุยกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งเราอยู่ที่นั้นนานมาก เป็นชั่วโมงๆ ซึ่งเวลานั้นประมาณ ตี 2 กว่าแล้ว ในที่สุดเราก็ขอเค้าว่า เราไม่บินต่อเครื่องที่ NewYork เพื่อไป Chicago แล้ว (ใช้เวลาบินจาก LA ไป NewYork ประมาณ 6 ชั่วโมง และจาก New York ไป Chicago ประมาณ 2 ชั่วโมง) เราขอเปลี่ยนให้บินตรงจาก LA ไป Chicago เลย ซึ่งตกลงกันอยู่นาน กว่าจะได้ และก็เหมารถตู้มาที่โรงแรม Ramada ห่างจากสนามบินประมาณ 15 นาที

    มาถึงโรงแรม เราก็เอาของไปเก็บ พวกเราหิวมากๆ และก็เดินไปร้านอาหาร Denny ร้านอาหาร American Food ใกล้ๆ นั้น ผมสั่ง Double Cheese Burger ใหญ่มาก กินกันเสร็จก็กลับมาที่โรงแรม แล้วแยกย้ายกันเข้าห้อง ผมนอนกับ Hiro พี่สันติ นอนกับพี่ เอเค เจ๊ต่ายนอนอีกห้อง…..

Double Cheese Burger ใหญ่มากกก

โรงแรมที่เราพักคืนแรก ramada

สามารถดูภาพ และคำบรรยายภาพแบบเต็มๆ ได้ที่ http://www.flickr.com/photos/pawoot

Written by pawoot

2008/07/26 at 11:04 PM

บรรยกาศการทำงานสนุกๆ ที่ TARAD Dot Com ของชาว TARADr

leave a comment »

วันก่อนเปิดหน้าเว็บมา แล้วก็ตกใจ เพราะเห็นโฆษณาของ http://www.TARADjob.com เว็บไซต์หางาน น้องใหม่ไฉไลกว่าเดิม โดย Concept คือ "ลงประกาศงาน ฟรี.!"  ปกติชาวบ้านจะเสียเงินลง ประกาศงานในแต่ละตำแหน่ง แต่ของเรา ฟรี.!!!  แต่ที่มาพูดวันนี้ไม่ใ่ช่เรื่องอะไรหรอกครับ ที่ตกใจจากโฆษณา เพราะเห็นหน้าอันหล่อเหล่าของชาว TARADr ( TARADr = TARADer =  ชาว TARAD Dot Com) บนโฆษณาอันสวยงาม….. เห็นแล้วชอบจริงๆ

ต้องขอบคุณ เอ็ม ที่เลือก concept นี้ในการคัดเลือก ชาว TARADr หล่อ ๆ สวย ๆ มาเป็น Presenter ในโฆษณาต่างๆ ที่เรามี ผมชอบ Concept นี้มาก  ผมอยากให้พวกเราทุกคน มีส่วนร่วมในผลงานที่ชิ้นที่ออกมา สู่สายตาประชาชน โดยโฆษณาที่ออกมาเป็น สิ่งหนึ่ง และหากสังเกตุดูง่ายๆ คุณลองไปดูหนังสือของ TARADedu.com ทุกเล่ม ด้านหลังจะมี "รูปของชาว TARADr ทุกๆ คน" ในหนังสือทุกเล่ม ที่เราออก "เราทุกคน ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของผลงาน ของ TARAD Dot Com"

ภาพ : โฆษณาสุดเทห์ของชาว TARADr (แอน-โรจน์-ติ๊ด)

       และเช่นกันครับ ช่วงนี้ มีการเ่ล่นเกมส์อะไรกัน สนุกๆ หลายอย่าง เ่ช่น ปกติ ผมไปออกงานที่ไหน หรือไปเป็นแขกรับเชิญที่ไหน มักจะได้ของขวัญ หรือของชำร่วยมา เต็มห้องไปหมด ผมจะเลือกใช้วิธีการ "แจกของ" น้องๆ TARADr ในรูปแบบที่แปลก และมันส์ครับ คือ ผมจะเอาของไป โชว์น้องๆ หน้าห้อง แล้วเริ่มประมูลของที่ผมได้มา โดยราคาเริ่มที่  "1" บาท ของบางชิ้น บ้างก็ขึ้นไปหลายร้อย บางก็จบที่ 5-6 บาท แต่เงินทั้งหมด จะเข้าสู่  "เงินกองกลางของ TARADr"

   แต่วันก่อน ผมเลือกวิธีที่ แยบยลกว่า  คือ นำของที่ผมได้มา ไปเปิดประมูลในเว็บไซต์ http://auction.TARAD.com แทน ซึ่งของในวันนี้คือ Thumb Drive 1 Gb ของ UPS (ดู Detail ได้ที่นี่)

ภาพ หน้าเว็บไซต์ที่ประมูลของกัน

ราคาเริ่มต้นประมูลที่ 1 บาท ผมเลือกประมูลไว้แค่ 2 วัน แต่ผลปรากฏว่า "คนที่ชนะเลิศ กลายเป็น ลูกค้าเราเอง คนทั่วไปไม่ใช่ ชาว TARADr อ้าว ซวยไป" ด้วยที่ราคา 135 บาท เล่นครั้งนี้ กะจะให้แค่น้อง ๆเล่นเท่านั้น ฮ่าๆๆ  แต่ก็ถือว่าเป็นการให้ชาว TARADr ทุกคนได้รู้จัก บริการของ TARAD ในส่วนการประมูลสินค้า

ภาพ : บรรยกาศน้องๆ กำลังรุมประมูลสินค้ากัน…

หลังจากนั้น ในวันเดียวกัน ทางคุณเอ็ม HR ก็จัดเคมเปญ แข่งประกวดแต่งตัว สวย น่ารัก แรด สุดใน TARAD  ซึ่งตอนแรกก็จะโหวตกันปกติ แต่ผมก็ขอให้คณเอ็ม ย้ายไปประกวด กันในเว็บไซต์ http://picpost.tarad.com แทน ซึ่งใครได้ผลโหวตสูงสุด ก็จะได้เป็นผู้ชนะแต่ในละรางวัล ซึ่งผู้ชนะจะได้รางวัล เงินสด (ดูเหมือนเยอะ)

ภาพ :  หน้าเว็บประกวด หนุ่มหล่อ สาวสวย ของชาว TARADr
 

นี้ก็คือเป็น อีกรูปแบบหนึ่งที่เป็น Culture ที่สนุกสนานของเราชาว TARAD Dot Com…..

We are TARAD Dot Com….

Written by pawoot

2008/07/16 at 11:05 PM

ผ่านไปแล้ว กับ 2 อาทิตย์อันโหดร้าย.. ยินดีต้อนรับกับ ช่วงเวลาการเรียน..

leave a comment »

        2 อาทิตย์ที่ผ่านมา ผมยุ่งฉิบเป๋งเลย… มีนัดออกไปสอนและสัมมนาเยอะมาก ในช่วงเวลา 2 อาทิตย์ผมมีต้องออกไปสอน 5 คร้ง โดยเฉพาะ อาทิตย์แรก มีสอน 4 ครั้ง โอ้วว แทบไม่ได้่อยู่ office เลย มีแต่คนเชิญไปสอน ไปพุดเสวนา… เฮ้ออ เหนื่อยจริงๆ และก็ได้รับโปรเจ็กเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งอีก… แล้วที่หนักไปกว่านั้นคือ ผมเริ่มเข้าสู่ภาวะ การเรียนปีที่ 2 ของที่ ศศินทร์  จุฬา ซึ่งการบ้านเริ่มเยอะแล้วครับ

   อาทิตย์ก่อน ทาง AIS ให้โทรศัพท์ Black Berry Pearl มา เพราะผมไปเป็น SMEs GURU ของทาง AIS  ซึ่งผมนำ Black Berry มาลองใช้อยู่ประมาณ 3-4 วัน ปรากฏหว่า "ไม่ work" แหะ เพราะ ไม่ support ไทยมากมาย (บางส่วนเท่านั้นที่ support) ต้องยอมรับว่าผมค่อนข้างปรับตัวเข้ากับ Windows Mobile ได้ดีแล้ว…

อิอิ ในที่สุดก็ไปถอย HTC Touch Diamond ใหม่มาแล้ว สรุปสั้นว่า "เร็วกว่า ดีกว่า บางกว่า" ผมประทับใจครับ คุ้มค่ากับการนำมาใช้ทำงานให้ประสิทธิภาพดีขึ้นครับ.. ซึ่งของที่เป็นเทคโนโลยี อย่าคิดมากครับ คิดว่าหากมันสามารถนำมาให้ประสิทธิภาพในการทำงานของคุณดีขึ้น คุ้มค่าก็พอแล้วครับ….

     โปรเจ็กช่วงนี้ที่ SASIN เป็น Group Assignment งานกลุ่มที่เรียน ซึ่งผมดันไปรับไว้หนึ่งงาน  และก็ยังมีหลายอัน ซึ่งต้องไปเรียนทุกวัน พุธเย็น และเสาร์ทั้งวัน … อยากหาเวลาทำงานบริษัทตัวเองเยอะๆ จัง…… ไม่เป็นไรครับ "เราต้องคิดบวก Positive Thinking" หนักกว่านี้ผมก็เคยมาแล้ว แค่นี้จิ๋วๆ เดียวมันก็ผ่านไปแ้ล้วครับ "ทำปัจจุบันให้ดีที่สุดก็พอแล้วครับ" ให้กำลังใจตัวเอง สร้างมุมมองที่ดีให้ตัวเอง ทุกอย่างก็จะเป็นเรื่องทีง่ายมากๆ เลยละ

Written by pawoot

2008/07/06 at 11:11 PM

Ads Network Model คืออะไร?

leave a comment »

        วันนี้มีน้องมาถามเรื่อง Ad Network แล้วก็ส่งข้อมูลมาให้ดู  Ads Network แล้วถามว่ามันคืออะไร? ง่ายๆ ก็คือ ตัวแทนรับลงโฆษณา และดูแลโฆษณา ให้ในเว็บต่างๆ และไปหาโฆษณาจาก เจ้าของสินค้ามาลงให้ ง่ายๆ ก็คือ Agency อะแหละ แต่เค้าจะมีการสร้าง Network เป็นของเค้าเอง…..

ลองมาดูกันว่า Ad Network เค้าทำอะไรบ้างเด้อ (ตัวอย่างมาจาก Ads Network เจ้าหนึ่ง)

Ads Net Work model

•      IDEA รูปแบบความร่วมมือเข้าเป็น partner Ads net work โดย มีบริษัท Ads net work ช่วยเป็นตัวแทนขาย โฆษณา online ในรูปแบบ Ads  network ประเทศไทย
•      รายได้Partner จะได้รายได้การันตี ที่ 60% จากมูลค่าการจำหน่ายขายให้แก่ลูกค้าตามที่ขายได้จริง หลังหักค่า AGENCY Fee 15% ให้แก่ผู้ซื้อ
•      ด้านเทคโนโลยีจะรับผิดชอบ จัดเตรียมระบบ Ads Serving การขายโฆษณาที่ใช้ระบบ XXXXXX โดย ไม่ต้องลงทุนด้านเทคโนโลยี และ จะดำเนินการ Set up User name-Pass wordให้เพื่อเข้าไปดู Report แบบ online
•      การดูแลจัดการ
Ads net work = เมื่อ partner เข้าร่วม Ads net work จะรับผิดชอบดูแล บริการ ตั้งแต่ การขาย / การ set up ระบบ / การทำ Ads Stat Report / สรุปรายได้
Partner    = ดูแล web ตามปกติ / รอวางบิลเก็บเงินจากรายได้ทีเกิดขึ้น

Offer by Ad Network Provider

•      จะรับผิดชอบ จัดเตรียม ทีมงานขายโฆษณา จัดทีมงานเป็นตัวแทนในการขายโฆษณาในรูปแบบ Ads Net Work เหมือนเป็นทีมขายอีกทีมหนึ่ง ของ Partner
•      วางระบบการนับสถิติ โฆษณาออนไลน์ที่สามารถตรวจสอบแบบ online ได้ทุกที่ทุกเวลา
•      จัดทำระบบ online survey เพื่อจัดทำ Data Support การขาย โดยข้อมูลจะเป็นความลับเฉพาะ Synergy-E และ เจ้าของเว็บ
•      จัดทีมบริการดูแล banner ตั้งแต่เริ่ม campaign จนสิ้นสุด campaign
•      สรุปรายงานการขาย และ สรุปรายงานโฆษณา ให้ Partner และ ลูกค้าผู้ลงโฆษณา ทุกๆสิ้นเดือน
•      ร่วมให้คำปรึกษาด้านการตั้งราคาขายแบบ online CPM Rate
•      ร่วมปรึกษาด้านแผนงาน Online Marketing & Activities online

** ขอยังไม่เปิดเผย ชื่อบริษัทผู้ให้บริการละกันนะ

ทำไมต้องใช้ Ads Network? หรือ Agency?

– ทำเป็นแต่เว็บ ขายโฆษณาไม่เป็น
– คุณไม่มี Sale หรือ อยากได้คนมาช่วยขายโฆษณาเพิ่มมากขึ้น
– เค้าอาจจะขายได้ราคาดีกว่าคุณขาย?
– ไม่่ค่อยมี Network หรือ Connection กับบริษัทลงโฆษณาน้อย

สิ่งที่ต้องพึงสังเกตุสำหรับ Ads Network

– พื้นที่โฆษณาที่เค้าจะมาขอลงขายให้ Exclusive หรือไม่? (คือเค้าขายคนเดียว เราไม่มีสิทธิขาย)
– มีการการันตี รายได้ขั้นต่ำ หรือไม่ (ส่วนใหญ่การ การันตี จะใช้กับการ Exclusive)
– รายได้แบ่งกันยังไง % คนละเท่าไร?
– การจ่ายเงิน จ่ายยังไง ทุกเดือน หรือ ???
– Report ที่ใช้ น่าเชื่อถือได้ระดับไหน?
– การมีสัจจะ – เคยมีเคสเช่นนี้เกิดขึ้น เช่น บอกกับเว็บแบบหนึ่ง แล้วไปบอกกับลูกค้าที่ลงโฆษณาอีกแบบหนึ่ง

ฉะนั้น ลองดูครับ ว่าจะลงโฆษณากับ Ads Network หรือไม่อย่างไร ด้วยเหตผลและปัจจัยพวกนี้

Written by pawoot

2008/07/02 at 11:07 PM