Archive for April 2018
ภาวุธ นำกลุ่มบริษัทไทยจับมือรัฐบาลมาเลย์เซียสร้างความร่วมมือการค้าออนไลน์เต็มรูปแบบ พลักดันไทย-มาเลย์ ขึ้นแนวหน้าศูนย์การค้าออนไลน์อาเซียน
วันที่ 27 เมษายน 2561 ภาวุธ นักธุรกิจไทยด้านออนไลน์จับมือกับรัฐบาลมาเลย์เซียในการลงนามความร่วมมือทางการค้าออนไลน์ระหว่างประเทศและการลงทุนขยายธุรกิจไทยด้านออนไลน์ไปมาเลย์เซีย โดยมี TARAD.com ขยายช่องทางไปในเว็บไซต์มาเลย์เซีย รวมถึงการร่วมลงทุนร่วมของ บริษัท SHIPPOP ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทางออนไลน์ และ บริษัท SiamOutlet ผู้ให้บริการการจัดเก็บและส่งสินค้า โดยทั้ง 2 บริษัทไทยได้ขยายบริการออกไปที่ประเทศมาเลย์เซียร่วมกับบริษัท Commerce.asia บริษัทผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซของมาเลย์เซีย โดยมีตัวแทนจาก MDEC หน่วยงานด้านดิจิตอลของมาเลย์เซียและกระทรวงพาณิชย์ของไทยเป็นพยานในการลงนามครั้งนี้
.
นายภาวุธ พงษ์วิทยภานุ ผู้บริหารบริษัทตลาดดอทคอม เปิดเผยว่าการลงนามนามความร่วมมือกับรัฐบาลมาเลย์เซีย 3 โครงการ โดยมี
1. โครงการความร่วมมือ TARAD.com เว็บไซต์การค้าออนไลน์ของไทยกับ SiteGiant ผู้ให้บริการการค้าออนไลน์ของมาเลย์เซียเพื่อเชื่อมต่อการค้าออนไลน์ระหว่างกันโดยสามารถนำสินค้าจากไทยขายไปยังมาเลย์เซียและมาเลย์เซียมายังประเทศไทย
2.โครงการการร่วมลงทุนของ SHIPPOP มาเลย์เซีย (www.Shippop.com.my) บริษัทผู้ให้บริการขนส่งทางออนไลน์ในมาเลย์เซียโดยเป็นการร่วมลงทุนของบริษัท SHIPPOP ประเทศไทยและบริษัทคอมเมิร์ซดอทเอเซียของมาเลย์เซีย
3.โครงการการลงทุนใน LetMeStore มาเลย์เซีย (www.letmestore.com) บริษัทด้านการจัดเก็บสินค้าและจัดส่งสินค้า (Fulfilment) โดยเป็นการลงทุนของบริษัท Siam Outlet ประเทศไทย
.
นายสุทธิเกียรติ จันทรชัยโรจน์ประธานกรรมการบริหารบริษัท SHIPPOP บริษัทสตาร์อัพเบอร์ต้นๆ ของไทย เผยถึงการขยายธุรกิจออกไปมาเลย์เซียว่า “เราได้เปิดให้บริการ SHIPPOP มาเลย์เซียมาตั้งแต่ปลายปี 2560 โดยได้เชื่อมต่อกับระบบขนส่งหลักภายในประเทศมาเลย์เซียได้หมดแล้ว และมีผู้ใช้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างรวดเร็วทุกๆ เดือน โดยตอนนี้เป็นการให้บริการกับบริษัทในประเทศมาเลย์เซียเป็นหลัก และอนาคตจะเชื่อมต่อกับระบบขนส่งของประเทศไทยเข้าด้วยกัน โดยการทำงานทางทีมประเทศไทยจะเป็นทีมพัฒนาเทคโนโลยีหลักให้ SHIPPOP มาเลย์เซีย”
.
นางสาวพิมพ์ฐดา สหัชอติเรกลาภ ประธานกรรมการบริหารบริษัท Siam Outlet บริษัทคลังสินค้าและโลจิสติกส์สำหรับองค์กรธุรกิจและร้านค้าออนไลน์แบบครบวงจร ได้เปิดเผยถึงความลงทุนใน LetMeStore ผู้ให้บริการลักษณะเดียวกันในประเทศมาเลย์เซีย “เราโดยได้ลงทุน และยังนำเทคโนโลยีการบริหารคลังสินค้าและองค์ความรู้ของตนในประเทศไทยมาให้กับทีมทางมาเลย์เซียใช้อีกด้วย โดยเทคโนโลยีที่เราพัฒนามีความล้ำหน้าและตอบโจทย์ของการทำธุรกิจในมาเลย์เซียอย่างมาก โดยได้เปิดใช้มาตั้งแต่เดือน มกราคมที่ผ่านมา”
.
นายภาวุธ กล่าวว่า “การร่วมมือกับทางประเทศมาเลย์เซียครั้งนี้ จะทำผู้ประกอบการทั้งสองประเทศสามารถขยายช่องทางการค้าระหว่างกันผ่านทางออนไลน์ได้สะดวกและง่ายมากขึ้น โดยเป็นการพลักดันของภาคธุรกิจเอกชน ที่ต้องการเห็นความร่วมมือระหว่างประเทศ นอกเหนือจากการร่วมมือของจีนที่พยายามจะบุกเข้ามาในอาเซียนมากขึ้น” โดยความร่วมมือทั้งหมดเป็นการร่วมกับบริษัท Commerce.asia บริษัทให้บริการ E-Commerce ครบวงจรของมาเลเซีย
.
“และเรายังได้เห็นพลังของนักธุรกิจไทยรุ่นใหม่ ที่สามารถขยายธุรกิจของไทยออกไปยังต่างประเทศได้อย่างรวดเร็ว โดยตัวอย่างๆ SHIPPOP เป็นบริษัทสตาร์ทอัพไทยที่ทำงานโดยทีมงานเด็กไทยเพียง 15 คน โดยอายุเฉลี่ยเพียงแค่ 25 ปี ก็สามารถสร้างธุรกิจที่เติบโตได้อย่างรวดเร็ว และสร้างกำไรได้หลังจากเปิดธุรกิจมาเพียงปีกว่าๆ และยังขยายธุรกิจออกมาต่างประเทศได้อย่างรวดเร็ว หรือSiam Outlet ก็สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว โดยหลังจากเปิดบริษัทมาเพียง 2 ปีก็สามารถนำเทคโนโลยีของตัวเอง มาขยายลงทุนต่อออกไปนอกประเทศ”.นี้คือตัวอย่างของรูปแบบของการทำธุรกิจรูปแบบใหม่ ที่เติบโต ขยายตัวอย่างรวดเร็วกว่าการทำธุรกิจแบบเดิมๆ โดยไม่ได้มองแค่ตลาดในประเทศไทยเท่านั้น แต่มีการขยายธุรกิจออกไปต่างประเทศได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย โดยเป็นการสร้างนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาเป็นตัวหลักในการสร้างและขับเคลื่อธุรกิจ นี้คือตัวอย่างของบริษัทสตาร์ทอัพไทยที่ประสบความสำเร็จ และเป็นตัวอย่างให้กับบริษัทอื่นๆ ในประเทศไทย ที่นักธุรกิจไทยต้องมองและเดินตาม และรวมถึงยังเป็นการสร้างโอกาสในการขยายธุรกิจอีกด้วย
แอบดู.! วันเดียว Alibaba ขนสินค้าเข้าไทยเท่าไร? และมูลค่าเป็นยังไง? เราควรปรับตัวแล้วหรือยัง?
ครั้งก่อนวิเคราะห์เรื่อง Alibaba กำลังบุกไทยและอาเซียน (อ่านการวิเคราะห์ครั้งก่อน) โดยผมวิเคราะห์อีกมุมนึงที่ Alibaba น่าจะได้ดุลย์การค้าโดยการ “นำเข้าสินค้า”มากกว่าการ “ส่งออก” ของไทยออกไปจีน เลยนึกถึงข่าวเมื่อตอน Lazada (บริษัทในกลุ่ม Alibaba) ขายสินค้า (ทั่วอาเซียน) ในช่วงแคมเปญใหญ่ท้ายปี 2017 กับแคมเปญ 12.12 ในข่าวแจ้งชัดว่า Lazada มียอดขายวันเดียว 8 พันล้านบาททั้งภูมิภาคตามข่าว โดยมีการต้องเหมาลำเครื่องบิน (จากจีน) ส่งสินค้าเพิ่มเข้ามาในไทยและอินโดนิเซีย ซึ่งผมลองคำนวนคร่าวๆ ต่อว่าเราจะมี “ในวันเดียวจะมียอดเงินที่คนไทยจ่ายออกไปซื้อสินค้าจีนประมาณ 333 ล้านบาทผ่าน Lazada หรือประมาณ 3 แสนรายการสั่งซื้อสินค้าที่จะเข้ามาในไทย“ เลยทีเดียว โดยผมได้ลองถอดข้อมูลออกมาจากข้อมูลที่ Lazada ให้ข่าวไว้ ลองมาดูรายละเอียดกันครับ
จากข้อมูลทั้งหมดที่ผมได้มาเราสรุปได้ว่าเพียง “วันเดียว” ในวันที่ 12.12 “Lazada ประเทศไทย”
- มียอดขายประมาณเกือบ 1,500 ล้านบาท จากยอดสั่งซื้อ ประมาณ 1.48 ล้านรายการ
- มียอดจากร้านค้าของจีนใน Taobao Colletion ที่คนไทยซื้อกันเพียงวันเดียว
-
- ยอดขายประมาณ 333 ล้านบาท
- จำนวนการสั่งซื้อประมาณ 3 แสนรายการ (ที่ต้องเหมาลำเครื่องบินมาส่งในไทย)
อีกเรื่องที่แอบกังวลเรื่องใหญ่ๆ คือรายได้ส่วนนี้ทั้งหมด “มีการเสียภาษีหรือไม่?”
ส่วนตัวคิดว่าไม่ได้มีการเสียภาษี หากสินค้านั้นถูกส่งผ่านมาทางไปรษณีย์ ราคาสินค้าต่ำกว่า 1,500 บาท จะไม่เสียภาษีขาเข้าครับ แต่หากเข้ามาด้วยวิธีอื่น อันนี้ก็ไม่แน่ใจแล้วล่ะครับ
** ตัวเลขทั้งหมดนี้เป็นการประเมินจากข้อมูลตัวเลขที่ได้มาจากข่าวครับ และเป็นข้อมูลเพียงจากวันเดียวของการขายที่เป็นวันที่ยอดขายสูงมากๆ ของปี ไม่อาจจะนำมาคำนวนเป็นยอดขายเฉลี่ยของทั้งปีได้ ยอดขายเค้าไม่สูงแบบนี้ตลอดทั้งปี และการคำนวนนี้เป็นการคำนวนคร่าวๆ จากข้อมูลข่าว อาจจะมีไม่ตรงกับข้อมูลภายใน ถ้าจะอ้างอิงข่าวนี้ กรุณาอ้างอิงส่วนนี้ด้วยครับ เราต้องแฟร์กับเค้าด้วย
*** กรุณาอ่านเจตนาของการทำข้อมูลนี้ของผมด้านล่างให้ชัดเจนด้วยนะครับ
ที่มาของตัวเลขผมขอลองคำนวนเล่นๆ จากสมมุติฐานด้านล่างครับ
- ยอดขาย Lazada ทำได้ในวันเดียววันที่ 12.12 ทั้ง 6 ประเทศในอาเซียน = 250 ล้านเหรียญ = 8,200 ล้านบาทไทย (ข้อมูลจากข่าวที่ส่งมา)
- ยอดคนเข้า Lazada ใน ประเทศแยกประเทศ (ข้อมูลจาก SimilarWeb.com)
- ยอด Order ของร้านค้าจีน Taobao Collection = 1,830,201 order (จากข่าว)
- ราคาเฉลี่ยต่อรายการสั่งซื้อ 1,000 บาท (estimate จากวงการ e-commerce ไทย)
- ผมเอาสัดส่วนคนเข้าเว็บ หารด้วยเป็นสัดส่วนออกมาไปคำนวนตัวอื่นๆ ต่อ ได้เป็นตารางด้านล่างครับ
*** หากผมคำนวนอะไรผิดไปแจ้งได้เลยครับ
จากข้อมูลทั้งหมดนี้ จะเห็นได้ว่าเพียงวันเดียว (ในวันที่มีการทำแคมเปญการค้ายิ่งใหญ่) ทาง Lazada มียอดขายสูงขนาดไหน และมีการซื้อสินค้าจากจีนผ่านทาง Lazada ทั่วอาเซียนถึง 1.8 ล้านรายการสั่งซื้อ และในไทยมีสูงถึง 3 แสนกว่ารายการ เป็นเม็ดเงินสูงถึง 3 ร้อยกว่าล้านบาท รวมไปถึงต้องมีการเหมาลำเครื่องบินจากจีน เพื่อขนส่งสินค้าจากจีนเข้ามาไทยและอินโดนิเซียเพิ่มมากขึ้น
*** อย่างที่เคยบอกไปนี้ นี้เป็นะเพียง “จุดเริ่มต้น” ของการมาของสินค้าจีนที่จะบุกไทยทางออนไลน์ ธุรกิจของคุณกำลังอยู่ในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้หรือเปล่า หากรู้ตัวว่าสินค้าหรือบริการของธุรกิจคุณอยู่ในการเปลี่ยนแปลงนี้ จงปรับตัวและธุรกิจคุณได้แล้วครับ (อ่านตรงนี้ว่าทำยังไง https://pawoot.wordpress.com/2017/09/27/china-ecommerce-attack-thailand/) และผมยังยืนยันว่า ไม่ได้เห็นแย้งกับการมาลงทุนของกลุ่ม Alibaba แต่ต้องการให้คนไทย เห็นถึงอีกมุมหนึ่งของข้อมูลและต้องการพลักดันให้นักธุรกิจไทย “ตื่นตัวและเปลี่ยนแปลงตัวเอง“ ต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ครับ.!
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ลองทำและประเมินเล่นๆ ต่อ…….
.
.
.
Alibaba กับการลงทุนไทย ผู้ประกอบการไทยเตรียมตัวหนีตาย.! กระทบวงกว้างแน่
สิ่งที่ผมกังวลกับการมาของ Alibaba ในการลงทุนในประเทศไทยเป็นหมื่นๆ ล้าน
1. ผู้ประกอบการไทยเตรียมตัวปรับตัวหนีตาย.!
2.ตลาดค้าปลีก ห้างสรรพสินค้าเตรียมตัวรับผลกระทบ
3. การผูกขาดของผู้ให้บริการรายใหญ่รายเดียว
4. แบงค์และขนส่ง รวมไปถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ โดนกระทบกันเป็นลูกโซ่แน่
ข้อดีของการลงทุนของ Alibaba
- กระตุ้นให้ E-Commerce ของไทยเติบโตมากขึ้น
- มีเม็ดเงินลงทุนเข้ามาในประเทศ จำนวนมาก
- ไทยจะเป็นศูนย์กลางด้านการกระจายสินค้าใน CLMV
- สินค้าไทยจะมีโอกาสออกไปจีนได้ง่ายมากขึ้น
- มีการพัฒนาผู้ประกอบการไทย (ส่วนหนึ่ง) ให้เก่งมากขึ้น