Pawoot Personal Blog & Think Tank

E-Business Man Daily Life and What I'm Thinking

Archive for May 2016

ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ “ไม่แตกต่าง ก็ไม่เติบโต” : Brand Talk-Technology [BrandAge]

leave a comment »

บทสัมภาษณ์ลงนิตยสาร BrandAge ถึงแนวความคิดของผม แต่ที่ชอบคือภาพประกอบ เป็นเล่มที่ยอมให้ผมทำท่าบ้าอะไรก็ได้ (ทำมาหลายสกู้ปแล้ว) ผมบอกตากล้องว่า ผมต้องการท่าที่ทำให้คนอ่านที่กำลังเปิดหนังสือหยุดดูแล้วบอกว่า

“อีเหี้ยนี่มันทำท่าอะไรของแม่งว่ะ?” 

เช่นเดียวกับการตลาด หากคุณไม่สามารถทำให้คนสนใจคุณ แล้วแบรนด์คุณจะเป็นที่รู้จักได้ยังไงวะ? “ไม่แตกต่าง ไม่เติบโต”

Read the rest of this entry »

Written by pawoot

2016/05/28 at 9:55 PM

เหตุการณ์สุดคลาสสิกของอาชีพโปรแกรมเมอร์

with one comment

เหตุการณ์สุดคลาสสิกของอาชีพโปรแกรมเมอร์
สังเกตดูดีๆ คนที่ทำงานสาย software developer นั้น จะเจอเหตุการณ์ซ้ำไปซ้ำมาอยู่ตลอดชีวิตการทำ
งานสายนี้ และต่อไปนี้ขอเชิญอ่าน เหตุการณ์สุดคลาสสิคของโปรแกรมเมอร์เมอร์เมอร์….(มีเสียงสะท้อนเล็กน้อย)
โปรเจ็คที่ได้รับมักจะดูเหมือนง่ายในตอนแรก แต่สับสนวุ่นวายในตอนสุดท้าย
การให้โปรแกรมเมอร์ทำเอกสาร เปรียบเสมือนเอานาวิกโยธินสหรัฐไปประกวดนางสาวไทย
ตอนเขียนโปรแกรมเอง Test เอง ไม่เจอ Bug แต่ตอนไป Test กับลูกค้าเสือกเจอ!!!
ตอน Test กับลูกค้าเหมือนจะไม่มีบั้กแล้ว พอเริ่มใช้งานระบบจริง แม่ง เสือกเจอ!!!
พอโปรแกรมพังตอนใช้งานจริง โปรแกรมเมอร์มักเอ่ยว่า “ตอน Test ไม่เห็นเป็นเลย” แล้วก็จบด้วยการทำหน้างงๆ แสดงให้เห็นว่า กูไม่รู้จริงๆนะเว้ย
ประเมินเวลาของโปรเจ็ค 10 วัน ไม่ใช่การเขียนโปรแกรม 80 ชั่วโมงต่อคน แต่อาจะเป็น 100ชั่วโมงต่อคน หรือมากกว่านั้น
Programmer เก่งกาจจะเป็น System Analyst ทำเอกสารได้ห่วยแตก
Programmer ที่เก่งกาจมันพูดภาษาคนแล้วเข้าใจยาก
System Analyst ที่ทำเอกสารได้เก่งกาจ มักจะเคยเป็น Programmer ที่เขียนโปรแกรมได้ห่วยแตกมาก่อน
ลูกค้าไม่เคยให้ Requirement ครบ
ลูกค้าคือพระเจ้า
นอกจากลูกค้าแล้ว Google ก็เป็นพระเจ้าเหมือนกัน
งาน Coding ไม่เคยเสร็จก่อนกำหนด
ออกแบบระบบจนเสร็จ แล้วค่อยเขียนโปรแกรม เป็นแค่เรื่องในฝันเท่านั้น (สำหรับคนไทย)
คนให้ Requirement จริงๆ มักจะไม่ค่อยอยากได้ระบบ IT หัวหน้ามันนั้นแหละ อยากได้
บางที Bug ก็ไม่มีเหตุผล และไม่ต้องการคำจำกัดความ
Bug ก็เหมือนความรัก มองไม่เห็น แต่รู้สึกถึงมันได้
ไม่มี OT มีแต่ O-Free
Project ที่ โปรแกรมเมอร์ปั่นงานจะจนดึกดื่น มักจะมี Bug เยอะ ถึงเยอะมาก
ลูกค้ามักจะขี้เกียจ Test โปรแกรมของมันเอง
แต่พอใช้งานจริงแล้วเจอ Bug ชอบมางอแง
เขียนโปรแกรมช้า ใช่ว่าจะไม่มี Bug
เขียนโปรแกรมเทพ ใช่ว่าจะไม่มี Bug
สรุปว่าเขียนยังไงโปรแกรมก็มี Bug
การแก้ Code ของคนอื่นที่ไม่ใช่ของตัวเองเป็นเรื่องที่น่าปวดกบาลมาก
Code ยิ่งเทพเท่าไหร่ แก้ Bug ยิ่งยากขึ้นเท่านั้น
และคนเขียน Code เทพ มักจะโดนสาปแช่งจาก Programmer ที่ต้องมาแก้งานมัน
ถ้าโปรแกรมช้า เราจะโทษว่า Server ไม่ดี
System Analyst ที่แก้ Design บ่อยๆ มักจะอ้างกับ Programmer ว่า “ก็ลูกค้ามันเปลี่ยน”
System Analyst ที่เพิ่ม Requirement บ่อยๆ มักจะอ้างกับ Programmer ว่า “ก็ลูกค้ามันขอเพิ่ม”
Programmer ที่ทำงานไม่ทัน มักจะอ้างว่าประเมินเวลามาน้อยเกินไป
มีความเชื่อว่า Application ไม่ต้องการความสวยงาม
Requirement สามารถเปลี่ยน เพิ่ม ได้ตลอดเวลา แต่มันไม่มีทางลดลงแน่นอน
การเล่น Internet ไร้สาระ คือการผ่อนคลาย
การเล่น msn คือการผ่อนคลาย
การเล่น social network เป็นการผ่อนคลาย
ด่าลูกค้าเป็นความบันเทิง และผ่อนคลาย
Internet มีทุกอย่างที่โปรแกรมเมอร์ต้องการ
พิมพ์สัมผัสได้ เป็นผลจาการ Chat อันหนักหน่วง
มีความเชื่อว่า ถ้าพิมพ์คีย์บอร์ดด้วยความรุนแรง จะดูเท่
คนส่วนใหญ่เข้าใจว่า โปรแกรมเมอร์ทำได้ทุกอย่างที่เกียวกับ computer
ดังนั้น โปรแกรมเมอร์เป็นที่พึ่งให้ เพื่อนๆ พ่อ แม่ พี่น้อง อากง อาม่า เวลามีปัญหากับเทคโนโลยีใหม่ๆ
ไม่มีโปรแกรมเมอร์คนไหน กลับบ้านตรงเวลาตลอด
ชีวิตจะบัดซบทุกครั้ง ที่ไฟดับ
ตอน Present โปรแกรมให้ลูกค้าดู ต้องไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อนทุกครั้ง
เวลาขี้เกียจแก้งาน โปรแกรมเมอร์จะบอกว่า “Code ตรงนี้กูไม่ได้เป็นคนเขียนครับ”
เวลาโปรแกรมมีปัญหา ลูกค้ามักจะบอกว่า “ยังไม่ได้ไปทำอะไรมันเลยนะ อยู่ๆก็ใช้ไม่ได้”
โปรแกรมเมอร์ว่างงาน มักง่วงตอนสายๆ หรือบ่ายๆ
คาเฟอีนคือยาวิเศษ
การนั่งหลับเวลาง่วงมักไม่ค่อยได้รับความยอมรับจากหัวหน้า

เหตุการณ์สุดคลาสสิกของอาชีพโปรแกรมเมอร์ สังเกตดูดีๆ คนที่ทำงานสาย software developer นั้น จะเจอเหตุการณ์ซ้ำไปซ้ำมาอยู่ตลอดชีวิตการทำ งานสายนี้ และต่อไปนี้ขอเชิญอ่าน เหตุการณ์สุดคลาสสิคของโปรแกรมเมอร์เมอร์เมอร์….(มีเสียงสะท้อนเล็กน้อย)

โปรเจ็คที่ได้รับมักจะดูเหมือนง่ายในตอนแรก แต่สับสนวุ่นวายในตอนสุดท้ายการให้โปรแกรมเมอร์ทำเอกสาร เปรียบเสมือนเอานาวิกโยธินสหรัฐไปประกวดนางสาวไทยตอนเขียนโปรแกรมเอง Test เอง ไม่เจอ Bug แต่ตอนไป Test กับลูกค้าเสือกเจอ!!!ตอน Test กับลูกค้าเหมือนจะไม่มีบั้กแล้ว พอเริ่มใช้งานระบบจริง แม่ง เสือกเจอ!!!พอโปรแกรมพังตอนใช้งานจริง โปรแกรมเมอร์มักเอ่ยว่า “ตอน Test ไม่เห็นเป็นเลย” แล้วก็จบด้วยการทำหน้างงๆ แสดงให้เห็นว่า กูไม่รู้จริงๆนะเว้ยประเมินเวลาของโปรเจ็ค 10 วัน ไม่ใช่การเขียนโปรแกรม 80 ชั่วโมงต่อคน แต่อาจะเป็น 100ชั่วโมงต่อคน หรือมากกว่านั้นProgrammer เก่งกาจจะเป็น System Analyst ทำเอกสารได้ห่วยแตกProgrammer ที่เก่งกาจมันพูดภาษาคนแล้วเข้าใจยากSystem Analyst ที่ทำเอกสารได้เก่งกาจ มักจะเคยเป็น Programmer ที่เขียนโปรแกรมได้ห่วยแตกมาก่อนลูกค้าไม่เคยให้ Requirement ครบลูกค้าคือพระเจ้านอกจากลูกค้าแล้ว Google ก็เป็นพระเจ้าเหมือนกันงาน Coding ไม่เคยเสร็จก่อนกำหนดออกแบบระบบจนเสร็จ แล้วค่อยเขียนโปรแกรม เป็นแค่เรื่องในฝันเท่านั้น (สำหรับคนไทย)คนให้ Requirement จริงๆ มักจะไม่ค่อยอยากได้ระบบ IT หัวหน้ามันนั้นแหละ อยากได้บางที Bug ก็ไม่มีเหตุผล และไม่ต้องการคำจำกัดความBug ก็เหมือนความรัก มองไม่เห็น แต่รู้สึกถึงมันได้ไม่มี OT มีแต่ O-FreeProject ที่ โปรแกรมเมอร์ปั่นงานจะจนดึกดื่น มักจะมี Bug เยอะ ถึงเยอะมากลูกค้ามักจะขี้เกียจ Test โปรแกรมของมันเองแต่พอใช้งานจริงแล้วเจอ Bug ชอบมางอแงเขียนโปรแกรมช้า ใช่ว่าจะไม่มี Bugเขียนโปรแกรมเทพ ใช่ว่าจะไม่มี Bugสรุปว่าเขียนยังไงโปรแกรมก็มี Bugการแก้ Code ของคนอื่นที่ไม่ใช่ของตัวเองเป็นเรื่องที่น่าปวดกบาลมากCode ยิ่งเทพเท่าไหร่ แก้ Bug ยิ่งยากขึ้นเท่านั้นและคนเขียน Code เทพ มักจะโดนสาปแช่งจาก Programmer ที่ต้องมาแก้งานมันถ้าโปรแกรมช้า เราจะโทษว่า Server ไม่ดีSystem Analyst ที่แก้ Design บ่อยๆ มักจะอ้างกับ Programmer ว่า “ก็ลูกค้ามันเปลี่ยน”System Analyst ที่เพิ่ม Requirement บ่อยๆ มักจะอ้างกับ Programmer ว่า “ก็ลูกค้ามันขอเพิ่ม”Programmer ที่ทำงานไม่ทัน มักจะอ้างว่าประเมินเวลามาน้อยเกินไปมีความเชื่อว่า Application ไม่ต้องการความสวยงามRequirement สามารถเปลี่ยน เพิ่ม ได้ตลอดเวลา แต่มันไม่มีทางลดลงแน่นอนการเล่น Internet ไร้สาระ คือการผ่อนคลายการเล่น msn คือการผ่อนคลายการเล่น social network เป็นการผ่อนคลายด่าลูกค้าเป็นความบันเทิง และผ่อนคลาย Internet มีทุกอย่างที่โปรแกรมเมอร์ต้องการพิมพ์สัมผัสได้ เป็นผลจาการ Chat อันหนักหน่วงมีความเชื่อว่า ถ้าพิมพ์คีย์บอร์ดด้วยความรุนแรง จะดูเท่คนส่วนใหญ่เข้าใจว่า โปรแกรมเมอร์ทำได้ทุกอย่างที่เกียวกับ computerดังนั้น โปรแกรมเมอร์เป็นที่พึ่งให้ เพื่อนๆ พ่อ แม่ พี่น้อง อากง อาม่า เวลามีปัญหากับเทคโนโลยีใหม่ๆไม่มีโปรแกรมเมอร์คนไหน กลับบ้านตรงเวลาตลอดชีวิตจะบัดซบทุกครั้ง ที่ไฟดับตอน Present โปรแกรมให้ลูกค้าดู ต้องไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อนทุกครั้ง เวลาขี้เกียจแก้งาน โปรแกรมเมอร์จะบอกว่า “Code ตรงนี้กูไม่ได้เป็นคนเขียนครับ”เวลาโปรแกรมมีปัญหา ลูกค้ามักจะบอกว่า “ยังไม่ได้ไปทำอะไรมันเลยนะ อยู่ๆก็ใช้ไม่ได้”โปรแกรมเมอร์ว่างงาน มักง่วงตอนสายๆ หรือบ่ายๆคาเฟอีนคือยาวิเศษการนั่งหลับเวลาง่วงมักไม่ค่อยได้รับความยอมรับจากหัวหน้า

Written by pawoot

2016/05/20 at 11:31 PM

มุมมองลูกค้า (Consumer) กับมุมมองร้านค้า(merchant)

leave a comment »

หลังจากได้มีโอกาสได้ฟัง Weloveshopping + True Money จากทางคุณอติรุตย์ เมื่อวานนี้ที่ Marketeer Seminar ทำให้คิดได้เมื่อเช้านี้ ว่า TARAD.com พยายามสร้าง Position ว่าคือ Solution ของร้านค้า (Merchant) มากกว่าจะบอกตัวเองคือ แหล่ง Shopping เหมือนของ Weloveshopping ที่ใช้ คำว่า “Lifestyle Shopping” และเช่นเดียวกับ Rakuten ใช้ “Shopping is Entertainment” ซึ่งเห็นว่าทั้งสอง เน้น position ไปที่ ลูกค้า (Consumer) มากกว่าที่จะเน้นไปที่ Merchant มากกว่า  ซึ่งบอกไม่ได้ว่า ผิดหรือถูก มันขึ้นอยู่กับ positioning ของแต่ละบริษัท…

ต้องมานั่งนึกดูดีๆ อีกทีครับ

Written by pawoot

2016/05/20 at 11:31 PM

สร้างแรงบันดาลใจในการลดน้ำหนัก….

leave a comment »

ผมเป็นคนนึงที่ค่อนข้างซีเรียสกับเรื่อง สุขภาพ และการออกกำลัง ซึ่งผมเองก็หาทางออกกำลังกาย และดูแลสุขภาพอยู่เป็นประจำ ผมก็มานั่งนึกๆ ดูว่าน้องๆ ในบริษัทผม ส่วนใหญ่จะนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์กันทั้งวัน และหาโอกาสออกกำลังกายยาก ผมพยายามพูดกับน้องๆ หลายๆ คนที่น้ำหนักเยอะ ว่าให้ลดและควบคุมอาหาร ดูแล้วหลายคนไม่มีแรงบันดาลใจ หรือเป้าหมายในการควบคุมหรือลดน้ำหนัก   ซึ่งผมกังวลและเป็นห่วงน้องๆ มาก และผมซีเรียสกับเรื่องนี้มากๆ ครับ เพราะสุขภาพมันซื้อไม่ได้ หากผมจะช่วยทำให้น้องๆ ในบริษัทผม สุขภาพดีขึ้นได้ หรือไม่แย่ลงไปกว่าเดิม ผมจะทำครับ Read the rest of this entry »

Written by pawoot

2016/05/20 at 11:30 PM