มองเห็นสิ่งที่ตัวเองละเลย….

เมื่อวานได้มีโอกาสไปเจอพี่ท่านหนึ่งที่ทำงานด้านธุรกิจอินเทอร์เน็ตและ Call Center และได้นั่งคุยแลกเปลี่ยนมุมมอง วิธีการทำงาน แนวความคิด สิ่งที่ผมเห็นได้ชัดคือ ผมเห็นคนที่มีแนวความคิด และวิธีการทำงานอีกแนวทางแทบจะตรงกันข้ามกับผมเลย ต้องบอกก่อนว่าวิธีการทำงานของผมจะเป็นแนว “ชอบคิดอะไรใหม่ๆ สร้างอะไรใหม่ๆ (Creative & Innovation) ทำอะไรเยอะๆ ทำงานสังคม ไม่ได้ลง detail การทำงานมากนัก เน้นการมุ่งไปข้างหน้า”  แต่หลังจากที่ผมได้คุยกับพี่คนนี้ แกเน้นแนวทาง “เน้นการลุยธุรกิจเดียว โฟกัส วิเคราะห์ และมองหาจุด (finding) ที่จะปรับปรุง (Optimize) การทำในแต่ละวัน (Keizen) ให้ดียิ่งขึ้นๆ ไปเรื่อยๆ ในงาน Operation ทำให้ Opearation การทำงานธุรกิจของแก พัฒนาอย่างต่อเนื่องและยอดเยี่ยมมากๆ สามารถมองเห็น ทั้ง Process งานของธุรกิจได้ชัดเจน โดยมีการนำไอทีเข้าไปใช้ และสร้าง  Process งานให้เป็น Standard” พอผมฟังแกเล่าให้จบ ผมทึ่งแกมากๆ แกเก่งจริงๆ ผมเหมือนเห็น สิ่งที่ผมไม่เคยมีเลยอยู่ในตัวพี่แก ทำให้ผมเห็นว่าผมขาดอะไร และน่าจะเพิ่มเติมอะไรบ้าง

ถือว่าเป็นวันที่น่าจดจำของผมเลยวันนึง ต้องขอบคุณพี่โบ๊ทมากๆ นะครับที่ทำให้ผมมองเห็นในสิ่งที่ผมละเลยมาตลอด… ผมคงต้องเริ่มบาลานซ์ตัวเองให้ดีกว่านี้ กลับมามุ่งเน้น Operation Optimization ให้มากขึ้น มากกว่าจะมัวมุ่งไปข้างหน้ามากจนเกินไป…. คนเราต้องมองให้เห็นสิ่งที่ตัวเองขาด และยอมรับ พร้อมวางแนวทางในปฏิบัติอย่างจริงๆ จังครับ

ที่มาและการทำงาน Thailand Zocial Award 2013

ตั้งแต่เริ่มทำ ZocialRank.com ผมก็เคยคุยกันเล่นๆ กับตั้ง @thangman22 ว่าเราน่าจะแจกรางวัลให้กับคนที่ชนะในการจัดอันดับ แต่เรามาเริ่มจริงๆ จังเมื่อ คุณปี่ @dhanis จาก Sansiri บอกว่าน่าจะมีมอบรางวัลให้กับคนทำงานด้าน Social Media เราก็เลยกลับมานั่งคุยจริงๆ จังๆ กันว่าจะแจกกันยังไง เริ่มแรก เรากะว่าจะแจกกันง่ายๆ ทำในห้องออฟฟิศเรา แล้วทำ Live VDO แล้วมอบรางวัล เอาแบบง่ายๆ กันเองๆ แต่ปรากฏว่า พอผมเอาไอเดียนี้ไปคุยกับทาง พี่ต๋อง Nation แกก็บอกว่า สนใจอยากร่วมงานด้วย น่าจะทำเป็นงานใหญ่ขึ้น แบบ Thailand Blog Award ที่แกเคยจัดมา น่าจะเชิญคนมาเป็นร้อยๆ คนเชิญดารา เชิญคนดังมา หลังจากนั้นงานมันก็เริ่ม Go So Big มากขึ้น …  พอเราเริ่มคุยกันบ่อยมากขึ้น ลงรายละเอียดมากขึ้น เราก็ต้องมามองหาคนจัดงาน (Organizer) ซึ่งเราสรุปที่ หนุ่ย @nuishow จาก Show No Limit และ Beartai Hitech ซึ่งต้องยอมรับว่า หนุ่ยมีความเชื่ยวชาญในการด้านการจัดงานจริงๆ เพราะเป็นผู้เช่ี่ยวชาญงานด้านนี้มาอยู่แล้ว จัดงานมามากมาย ทำให้เราวางใจในเรื่องการจัดงานไปได้เลยเลยทีเดียว

ทีมงาน Zocial Inc, Show No Limit และ Nation ที่อยู่เบื้องหลังงานนี้

ลาก่อน Sabuy สวัสดี Dealfish

เมือวานนี้เห็นข่าวการปิดตัวของเว็บ Sabuy.com เว็บ E-Commerce จากกลุ่มของ Sanook.com ความรู้สึกแรกที่ทราบข่าวนี้คือตกใจมาก เพราะ Sabuy.com ถือว่าเป็นเว็บ E-Commerce  แห่งหนึ่งที่ผมเห็นการเติบโตมาได้อย่างรวดเร็วมากๆ ตั้งแต่เริ่มต้นกับการร่วมกับทางกลุ่ม Ebay.com และตลอดการเติบโตที่เริ่มต้นจาก Model Auction มาจนถึง Store Front

ผมขอไม่วิเคราะห์ถึงสาเหตุของการปิดตัวของ Sabuy แต่ในฐานะเพื่อนที่ทำงานในอุตสาหกรรม E-Commerce ร่วมกันผม รู้สึกว่าเราได้เสียกำลังสำคัญไปหนึ่ง ในการสร้างและพัฒนาประเทศไทยด้วย E-Commerce ไปครั้งนี้ จริงอยู่ถึงแม้เราจะเป็นคู่แข่งกันโดยตรงในการแข่งขันทางธุรกิจ แต่ในอีกมุมนึงที่เราคือเพื่อนที่ทำงานด้วยกันใน ทำให้ผู้ประกอบการไทย เริ่มต้นทำเทคโนโลยีมาใช้ในการเพิ่มช่องทางการค้าขายสู่โลกออนไลน์

การแต่งกายมาทำงาน

ผมเป็นคนชอบความสบายๆ และเช่นเดียวกันเวลาแต่งตัวมาทำงานก็ชอบแต่งสบายๆ เดียวนี้ชอบเสื้อยืดดำ (Uniqlo) ใส่สบายมาก และกางเกงยีนส์ และบางวันหากไม่มีประชุมกับใคร ก็ใส่ขาสั้นไปทำงาน วันนั้นมีหนังสือมาสัมภาษณืพอดี ก็ลงมันไปทั้งแบบนี้แหละ.. เป็นตัวของตัวเองฟุดๆ. สร้างภาพทำมายเน๊อะ

ผมเป็นคนบ้าชอบจัดงาน มาดูกันผมทำงานอะไรมาบ้าง

ลองมานั่งนึกๆ ดู พบว่าผมเป็นพวก “บ้าจัดงานสัมมนา” ต่างๆ มากมายมาเยอะเหมือนกันนะ ถ้ารวมๆ จัดงานมาแล้วน่าจะเป็นร้อยคร้งได้แล้วมั้งครับ และเป้าหมายของงานส่วนใหญ่คือ “การสร้างและกระจายความรู้ให้กับคนไทย” เพื่อพัฒนาให้คนไทยสามารถนำความรู้ ไปต่อยอดให้กับตัวเองและเศรษฐกิจได้ กลัวจะลืม เลยขอนำมา List เอาไว้ว่าเราได้เคยทำงานอะไรไปแล้วบ้าง และยังทำอะไรอยู่บ้างครับ งานส่วนใหญ่ เป็นงานที่จัดและจัดทำฟรี ไม่ได้มีการเก็บค่าตั๋วอะไรเลย เหอะๆ

ทำไมหลายๆ งานของภาครัฐถึงล้มเหลว

บังเอิญไปเห็นพี่หมอจิมพูดถึงประสบการณ์การทำงานกับภาครัฐ ผมเลยอยากเสริมพี่แกครับ

ต้องยอมรับว่าการทำงานของภาครัฐหลายโครงการจะเป็นโครงระยะสั้นๆ ทำเพื่อผลระยะสั้น จริงอยู่หลายๆโปรเจ็กอาจวางแผนระยะยาวเอาไว้ แต่ส่วนใหญ่โครงการต่างๆ ไม่ได้ถูกทำสานต่อ พอเปลี่ยนผู้บริหาร โครงการที่ทำมาก็ถูกเปลี่ยน วางแนวทาง road map ใหม่กันทุกๆ ผู้บริหาร มันไม่ได้มี mile stone ที่ชัดเจนขององค์กร มันพร้อมที่จะเปลี่ยนไปตามผู้บริหารต่างๆ ทำให้โครงการบางอันที่ดี ยากที่จะอยู่รอด และต้องยอมรับว่าหลายๆ โปรเจ็กที่ภาครัฐอยากทำ ส่วนใหญ่มีเงินในการเริ่มต้นโปรเจ็ก แต่หลังจากโปรเจ็กเริ่มไปแล้ว จนท. รัฐที่มาดูแลต่อไม่มีประสบการณ์ ไม่มี KPI and Target ทีึ่ชีดเจนในระยะสั้นระยะยาว จึงทำให้หลายๆ โครงการล่ม เหลวเปว โดยเฉพาะโครงการเกี่ยวกับเทคโนโลยีของภาครัฐ อันนี้จากประสบการณ์ตรงครับ

ผมอยากเห็นการมีแผน road map ที่ชัดเจน ถึงแม้จะเปลี่ยนผู้บริหาร องค์กรก็ยังคงมุ่งสู่เป้าหมายนี้ต่อไป โดยมีเป็าหมาย KPI ที่ชัดเจน จับต้องได้ขององค์กร ผมว่ามันน่าจะทำให้ภาครัฐเราทำงานได้ดีขึ้นนะครับ

อยากเขียนมากกว่านี้ เกียวมีเวลามาเขียนต่อ เขียนผ่าน ipad พิมพ์ไม่มันส์เท่าไรครับ