Pawoot Personal Blog & Think Tank

E-Business Man Daily Life and What I'm Thinking

Archive for September 2017

มีโอกาสไปพูดและแนะนำให้การบินไทย

with 2 comments

วันนี้ (30 Sep 2017) ได้ไปพูดให้การบินไทยอีกครั้ง (จากครั้งก่อนไปพูดให้ประชุมฝ่ายการตลาดทั่วโลกฟัง) แต่วันนี้เป็นประชุม Board Workshop มีบอร์ดบริหารและผู้บริหารระดับสูงทั้งหมดร้อยกว่าคนมาร่วมฟัง ตื่นเต้นเลยทีเดียว

ผมเตรียมเรื่องเทคโนโลยีใหม่ๆ e-commerce ด้านการท่องเที่ยวทั่วโลกไปเล่าให้ฟัง และคำแนะนำว่าการบินไทยควรปรับปรุงยังไงให้ทันโลก ต้องยอมรับว่า ท่านประธานบอร์ดของการบินไทย ท่านนี้ Sharp, เร็ว, กระชับ และ result oriented มาก

Read the rest of this entry »

6 กลยุทธ์รับมือการบุกของธุรกิจจีนทางออนไลน์

with 10 comments

ยินดีต้อนรับพาเหรดสินค้าจีนบุกเข้าไทยอย่างเป็นทางการ.. ผ่านทางออนไลน์ เพราะทาง Lazada เพิ่งประกาศ นำสินค้าเว็บดังในเครืออาลีบาบา “เถาเป่า” เว็บ E-Commerce เบอร์ 1 ของจีน นำสินค้าจากจีนมาเปิดขายในไทยโดยตรงแล้ว คิดดูว่าสินค้าจำนวนมากจากจีน จะบุกผ่านออนไลน์เข้ามาหาลูกค้าคนไทยโดยตรง แหม.! ผมเดาไว้ไม่ผิดเพี้ยน.!

แหม.! เห็น Jack Ma เข้ามาไทยบอกว่าจะมาช่วยคนไทยเอาสินค้าไทยออกไปจีน.. แต่ในอีกทางนึงก็นำสินค้าจีนบุกเข้าอาเซียนแบบง่ายๆ ตอนนี้สินค้าจีนกำลังเริ่มบุกเข้ามาทางออนไลน์ตรงๆ มากมายนับไม่ถ้วน บอกได้เลยครับว่าคนทำธุรกิจในไทยต้องปรับตัวแล้ว คำถามคือ ใครต้องปรับ? และจะปรับยังไง? ผมมีคำแนะนำครับ

Read the rest of this entry »

Written by pawoot

2017/09/27 at 6:19 PM

แด่คนที่มองว่าโลกนี้น่าเบื่อ.!

leave a comment »

ผมเองก็เป็นคนนึงเคยเกิดความเบื่อหน่ายอะไรต่างๆ มากมาย และเช่นเดียวกัน ผมก็เห็นว่ามีคนอีกนับล้านคน ที่มีความเบื่อหน่าย จากงานที่ทำงาน จากสิ่งรอบตัว จากสิ่งที่เกิดขึ้น หลายครั้งที่ผมอยากให้กำลังใจคนเหล่านั้น อยากจะมีอะไรที่ทำให้เค้าฉุกคิด และมีมุมมองใหม่ๆ กับโลกมันไม่ได้น่าเบื่ออย่างที่เค้าคิด… บังเอิญวันนี้ได้ไปเห็น ข้อความของจาก Facebook Page ของพี่จิก ประภาส ผมว่ามันน่ารักและน่าจะทำให้คนที่เบื่อโลกนี้ มองเห็นว่าโลกมันไม่ได้น่าเบื่อจากโลกในมุมมองที่เรามองหรอกครับ ====== บทความด้านล่าง นำมาจาก Facebook ของพี่จิก ประภาส =======

แด่สาวน้อย คนที่เขียนมาบอกกับฉันว่าโลกนี้น่าเบื่อ

ฉันคงต้องถามกับเธอ

เธอเคยเห็นโลกใบนี้สักหนึ่งเปอร์เซ็นต์ที่มันมีอยู่ไหม

ประเทศไทยของเราล่ะ เธอเคยเห็นสักกี่เปอร์เซ็นต์

รวงข้าวล่ะ โคลนที่กระเด็นมาจากล้อรถล่ะ เด็กน้อยที่เดินไปโรงเรียนด้วยเท้าเปล่าวันละสิบกิโลอีกล่ะ

เธอเคยเดินไปกับพวกเขาไหม

เธอเคยมองพระอาทิตย์จากที่ที่สูงกว่าหรือยัง

เธอเคยกินผักที่กินยากๆหรือยัง อาหารกลิ่นแรงๆของชนพื้นถิ่นทั้งหลายด้วย

เธอเคยนั่งกินกับพวกเขาไหม

ภูเขาลูกเล็กๆ ที่เราต้องเอามือจับก้อนหินแล้วก็ดึงตัวขึ้นไปได้ทีละเนินทีละเนิน

ทะเลสีน้ำเงินเข้ม ที่แค่เอาหน้าจมลงไปก็เห็นหมู่ปลาว่ายไปมา

เธอเคยทำหรือยัง

เธอเคยเขียนจดหมายถึงใครที่ไม่รู้จัก หรือถ่ายรูปอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่รูปตัวเองหรือรูปเพื่อนๆสักโหลสองโหลไหม

เธอกำลังสำคัญผิด บนโต๊ะและบนเตียงไม่ใช่โลกทั้งใบของเธอหรอก

เครดิต : https://www.facebook.com/prapaschol/posts/1607092089311234

One Belt One Road ไทยแค่ทางผ่านหรือโอกาสที่เราต้องขว้า? เป็นตัวแทนประเทศไทย มาประชุม Belt and Road Summit 2017 ที่ฮ่องกง Hong Kong

leave a comment »

เป็นเกียรติอย่างมากได้เป็นตัวแทนประเทศไทย มางานประชุม Belt and Road Summit 2017 ที่ประเทศ Hong Kong งานท่ีมีคนมาร่วมมากกว่า 2,500 คน จาก 40 ประเทศทั่วโลก

เป็นที่ประเทศจีนกำลังสนับสนุน เส้นทางสายไหมศตวรรษที่ 21″ ที่พาดผ่านหลายทวีปทั่วโลกซึ่งจะทำให้เกิดการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) จำนวนมากระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น ท่าเรือ ถนน ทางรถไฟ และท่อส่งก๊าซและน้ำมัน ซึ่งจะช่วยเคลื่อนย้ายสินค้าได้ถึงหนึ่งในสี่ของโลก

ผมได้มาพูดใน Thematic Breakout Forum:Sharing by Young Business Leaders on Belt and Road Opportunities ที่มีเจ้าของธุรกิจรุ่นใหม่จากฮ่องกง มาเลย์เซีย และประเทศไทย มาพูดถึงผลของโครงการ One Belt One Road (OBOR) ต่อประเทศและภูมิภาคอาเซียน Read the rest of this entry »

วิธีทำงานให้น้อยลง.! ของเอ๋ นิ้วกลม

leave a comment »

เปิด Facebook มาเจอ เอ๋ นิ้วกลมเขียนถึงการทำงานให้น้อยลง อ่านแล้วโคตรสะท้อนตัวเองเลยครับ ว่าเราจะให้ทีมเราเป็น “สมอง”​ หรือเป็น “มือ” ขอนำมาอ้างอิงเพื่อนสอนตัวเองต่อไปในอนาคตครับ

.

.

วิธีที่คุณจะทำงานน้อยลงโดยนิ้วกลม

1. จงเลือก “เพื่อนร่วมงาน” ที่คุณเชื่อมั่นในรสนิยมของเขา

2. เมื่อเลือกแล้ว จงเปิดพื้นที่ให้เขาได้แสดงฝีมือออกมา

3. แม้คุณจะมีหน้าที่ในการ “ฟันธง” ว่าแบบอันนี้-ไม่เอาแบบนี้ สิ่งที่คุณควรทำก็คือ “ไม่เอาแบบนี้” แล้วเปิดพื้นที่ให้เขาชี้แนะเราว่า “ควรเอาแบบไหน”
4. เพราะถ้าเราเป็นคนบอกว่า “ไม่เอาแบบนี้” และ “เอาแบบนี้” นั่นแปลว่า เราไม่ต้องร่วมงานกับเขา เราควรทำของเราเอง
ตรองให้ดีว่า เราเชื่อ “รสนิยมตัวเอง” มากกว่า หรือเชื่อ “รสนิยมของคนคนนั้น” มากกว่า หากเป็นแบบแรก คนที่คุณกำลังมองหาคือ “มือ”
ทำตามที่คุณต้องการ แต่ถ้าเป็นแบบหลัง คุณกำลังมองหา “สมอง”

6. ซึ่งถ้าได้ “สมอง” มา คุณไม่ควรใช้เขาแบบ “มือ”

7. แต่ถ้าคุณอยากได้ “มือ” นั่นก็ไม่ใช่สิ่งผิด แต่ถ้าคุณดั
อง” มา คุณกับสมองจะต้องขัดแย้งกันไปมา กว่าจะขยับอะไรสักอย่างก็ต้องเถียงกันหลายรอบ ทั้งคุณและเขาก็จะหงุดหงิดเปล่าๆ

8. คุณอาจรู้สึกว่าตัวเองงานหนักโดยไม่รู้ตัว ถ้าเป็นเช่นนั้นเมื่อไหร่ให้ลองตรวจสอบว่า คุณกำลังทำหน้าที่ที่ “เพื่อนร่วมงาน” ควรจะทำอยู่หรือเปล่า

9. ทุกคนมีหน้าที่ของตัวเอง เรามีความถนัดต่างกัน วิธีทำงานที่ดีคือ รู้พื้นที่ของตัวเอง และปล่อยพื้นที่ที่เราไม่ถนัดให้คนที่เขาถนัดกว่า

10. เราอาจได้ผลลัพธ์สุดท้ายเป็นงานในแบบที่เราอยากได้ แต่นั่นไม่ได้หมายถึง “งานที่ดี” ระหว่างทางอาจมีการสูญเสีย “คุณภาพ” ของงานนั้นไป แต่เราไม่รู้ตัว เพราะเราค่อยๆ เฉือน “รสนิยม” ของเพื่อนร่วมงานที่เราเลือกมาทิ้งไป และค่อยๆ ใส่ “รสนิยม” ของเราเข้าไป

11. “งานที่เราชอบ” อาจไม่ได้แปลว่าคนอื่นจะชอบ บางครั้งเราสงสัยว่า เพื่อนร่วมงานคนนั้นเคยทำสำเร็จมาแล้ว ทำไมพอทำงานกับเราแล้วไม่ได้ผลลัพธ์แบบนั้น อืม นี่เป็นคำถามที่น่าทบทวน

12. หากเราเป็นเจ้าของงาน แล้วงานออกมาไม่ได้ดั่งใจ คนที่ควรตำหนิคือตัวเราเอง เราอาจเลือก “เพื่อนร่วมงาน” ผิดแต่แรก เลือกไม่ตรงกับรสนิยมที่เราอยากได้

13. เมื่อไหร่ที่ “เพื่อนร่วมงาน” ยังถกเถียงต่อสู้เพื่อ “งานที่ดี” อยู่ จงดีใจไว้เถิดว่าเขายังมีใจให้งานนั้น

14. แต่เมื่อไหร่ที่เขาเริ่มพยักหน้าตามทำนองว่า “เอาไงก็ได้ครับ/ค่ะ” เตรียมใจไว้เลยว่า “สมอง” กำลังกลายร่างเป็น “มือ” ไปแล้ว

15. หลายครั้งที่งานหนักขึ้นเพราะเราเลือกผิด เลือกรสนิยมผิด เลือกสมองมาเป็นมือ หลายครั้งงานเราหนักขึ้นเพราะเราเข้าไปมีส่วนร่วมในส่วนที่เขาทำได้ดีกว่า เรามักเสียเวลาไปกับรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ การถกเถียง และล้วงลูก เวลาเราบอกว่า “งานหนัก” สิ่งที่น่าทบทวนที่สุดคือบทบาทของเราเอง ทั้งการตัดสินใจ กระบวนการทำงาน และการเปิดพื้นที่ให้เพื่อนร่วมงาน