Pawoot Personal Blog & Think Tank

E-Business Man Daily Life and What I'm Thinking

Archive for December 2016

ก้าวต่อไปของมนุษยชาติ

leave a comment »

เห็นบทความนี้ใน Line สรุปถึงการมาของอนาคตที่กำลังจะเกิด (บางอย่างเกิดไปแล้ว) ไว้ได้ดีมากๆ ชอมาบันทึกไว้อ่านเองครับ


=================================

​เรียนนาย เล่าสู่กันฟัง ใกล้แล้ว ครับนาย 💜โลกเปลี่ยน…คนเป็นครูต้องตีลังกากลับหัวคิดสอนแบบเดิมไม่ได้แล้ว!!!
💜ตรงกับบทความในหนังสือ

“This is a กู” ว่า…

โลกกำลังเปลี่ยน ธุรกิจกำลังเปลี่ยนหลายอย่างตอนนี้ มันตีลังกากลับหัวหมดกลับหัวจนคนไทยงง และตามไม่ทัน
💜เมื่อก่อนธุรกิจที่มั่นคง น่าเชื่อถือต้องมีโรงงาน มีสำนักงาน มีบุคคลากรเยอะๆ

แต่สมัยนี้ ยิ่งน้อยยิ่งดีแต่น้อยอย่างมีประสิทธิภาพ

คนน้อย กำไรเยอะ ค่าตอบแทนสูง

มันกลับหัวไปหมดจากอดีต
💜Apple ไม่เคยมีโรงงานผลิตของตัวเอง

แต่ครองตลาดอันดับ 1 ของโลก เพราะจ้างผลิตล้วนๆ กำไรเพิ่มขึ้นทุกปี มาร์จิ้นสูงมาก ผลประกอบการดี๊ดี
💜Facebook , Google มีรายได้มหาศาลจากโฆษณา โดยไม่มีพนักงานขายโฆษณาเลยสักคน เพราะใช้พาร์ทเนอร์ และให้ลูกค้าทำเองได้ กำไรเพิ่มขึ้นทุกปี มาร์จิ้นสูงมาก ผลประกอบการดี๊ดี
💜วันนี้ไม่เพียงแต่ตัวอย่างข้างต้น

แต่เราจะเห็นโมเดลธุรกิจแบบนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เฮ่ย ! นี่เรื่องจริง ไม่ได้ล้อเล่น

ไม่เชื่อคุณดูข้อมูลต่อไปนี้
💜Uber เป็นบริษัทแท็กซี่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

แต่ไม่มีรถของตัวเองสักคน
💜Alibaba เป็นแหล่งค้าปลีกออนไลน์

ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก

แต่ไม่เคยมีสินค้าและสตอกสินค้าเลยสักชิ้น
💜และล่าสุด Airbnb ผู้จัดหาห้องพักใหญ่ที่สุดในโลก

แต่ไม่มีห้องพักของตัวเองเลยแม้แต่ห้องเดียว 
💜นี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้น

นี่คือการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจ

โลกกำลังเปลี่ยน ธุรกิจกำลังเปลี่ยน

หลายอย่าง มันตีลังกากลับหัวหมด

คุณตามการเปลี่ยนแปลงทันนะครับ…
💜”ร้านค้าอยู่บนอากาศ

สาขาคือมนุษย์ทุกๆคน”
💜ชีวิตในอนาคต
💜โลกนี้จะเปลี่ยนไปอย่างไร?

ชีวิตเราจะเป็นอย่างไร?
💜ในปี 1998 บริษัทโกดักมีพนักงาน 170,000 คนและมียอดขาย 85% ของกระดาษภาพถ่ายทั่วโลก แต่ภายในเวลาเพียงไม่กี่ปีรูปแบบธุรกิจของพวกเขาหายไปและต้องประสบกับภาวะล้มละลาย
💜สิ่งที่เกิดขึ้นกับบริษัทโกดักจะเกิดขึ้นอีกกับอีกหลายอุตสาหกรรมใน 10 ปีข้างหน้า และคนส่วนใหญ่จะยังมองไม่เห็น

จะมีใครในปี 1998 ที่คาดคิดบ้างว่าอีก 3 ปีต่อมาคุณจะไม่ถ่ายภาพบนแผ่นฟิล์มกระดาษอีกต่อไป กล้องดิจิตอลอันแรกที่ถูกคิดค้นขึ้นในปี 1975 มีความละเอียดเพียง 10,000 พิกเซล 
💜ตามกฎของมัวร์ เทคโนโลยีส่วนใหญ่ที่สร้างความผิดหวังในตอนแรกและใช้เวลานานก่อนที่มันจะกลายเป็นความสำเร็จและเป็นวิธีที่ดีกว่าในเวลาอันรวดเร็ว
💜มันจะเกิดขึ้นเช่นเดียวกันกับปัญญาประดิษฐ์(หุ่นยนต์), สุขภาพ, รถยนต์ไฟฟ้า, ที่ขับเคลื่อนอัตโนมัติ,การศึกษา, เครื่องพิมพ์ 3 มิติการเกษตรและการจ้างงาน 
💜ขอต้อนรับเข้าสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคที่ 4 และต้อนรับสู่ยุคทวีคูณ
💜(1) ซอฟแวร์จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมแบบดั้งเดิมมากที่สุดใน อีก 5-10 ปีข้างหน้า Uber เป็นเพียงซอฟต์แวร์ที่ไม่ได้เป็นเจ้าของรถยนต์ใด ๆ แต่จะกลายเป็นบริษัท รถแท็กซี่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก Airbnb  จะเป็นบริษัท โรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดินใด ๆเลยคอมพิวเตอร์และปัญญาประดิษฐ์(หุ่นยนต์)จะฉลาดขึ้นเป็นทวีคูณและมีความเข้าใจโลกดีกว่ามนุษย์ ในปีนี้คอมพิวเตอร์สามารถเอาชนะมนุษย์ในการเล่นเกมหมากรุกโกะ ซึ่งเร็วกว่าที่คาดคิดไว้ถึง10 ปี
💜(2) ในสหรัฐอเมริกา, ทนายความที่จบใหม่เริ่มตกงาน เพราะคอมพิวเตอร์ IBM Watson, สามารถให้คำแนะนำด้านกฎหมาย พื้นฐานได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่วินาทีและมีความแม่นยำถึง 90% เมื่อเทียบกับมนุษย์ที่มีความแม่นยำเพียง 70%  ดังนั้นถ้าคุณกำลังเรียนกฎหมายอยู่ก็เลิกได้เลย เพราะในอนาคต อาชีพทนายจะหายไปกว่า 90% เหลือแต่ผู้เชี่ยวชาญด้านกฏหมายเฉพาะด้านเท่านั้น
💜(3) ปัจจุบันคอมพิวเตอร์วัตสันได้เข้ามามีส่วนช่วยพยาบาลในการวินิจฉัยโรคมะเร็งได้เร็วและแม่นยำกว่ามนุษย์ถึง 4 เท่า

 

💜(4) Facebook ขณะนี้มีซอฟแวร์ในการจดจำรูปแบบใบหน้ามนุษย์ที่เหนือกว่าคน ในปี 2030 คอมพิวเตอร์จะเริ่มฉลาดกว่ามนุษย์
💜(5) รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติคันแรกจะเผยโฉมต่อสาธารณชนในปี 2018  

ประมาณปี 2020 อุตสาหกรรมรถยนต์จะล่มสลาย ไม่มีความจำเป็นที่คุณจะต้องมีรถยนต์เป็นส่วนตัวอีกต่อไป เพราะเพียงแค่คุณโทรศัทพ์เรียก รถแท๊กซี่ก็จะมารับคุณในตำแหน่งที่คุณเรียกและส่งคุณไปยังจุดหมายปลายทาง โดยคุณไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าที่จอดรถแต่จ่ายเฉพาะค่ามิเตอร์และยังสามารถทำงานไปด้วยในขณะเดินทางอีก ลูกๆของเราก็ไม่จำเป็นต้องสอบใบขับขี่หรือซื้อรถยนต์
💜(5) ตัวเมืองก็จะเปลี่ยนแปลงไปเพราะรถยนต์จะหายไปจากท้องถนนถึง 90-95% เราสามารถเปลี่ยนพื้นที่จอดรถให้กลายเป็นสวนสาธารณะได้

 อุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั่วโลกปีละ 1.2 ล้านคนก็จะลดลง

 รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติจะช่วยลดอุบัติเหตุทางจราจรจากหนี่งรายต่อทุก 100,000 กม.เหลือเพียงหนึ่งรายต่อทุก 10 ล้านกม. ซึ่งจะช่วยลดการสูญเสียชีวิตมนุษย์ได้ปีละนับล้านคน
💜(6) บริษัทรถยนต์ส่วนใหญ่จะประสบกับการล้มละลาย บริษัท รถยนต์ที่อนุรักษ์นิยมจะเพียงแค่พยายามพัฒนารถยนต์ของตนให้ดีขึ้นในขณะที่ บริษัท TECH (Tesla, Apple, Google) จะปฏิวัติการสร้างรถยนต์โดยใส่คอมพิวเตอร์ลงในล้อรถยนต์ ผมคุยกับวิศวกรจากโฟล์คสวาเกนและออดี้; พวกเขากลัวคู่แข่งอย่างเทสลามาก
💜(7) บริษัท ประกันภัยจะเกิดปัญหาใหญ่เพราะเมื่อไม่มีอุบัติเหตุ, เบี้ยประกันก็จะถูกลง 100 เท่า รูปแบบธุรกิจประกันภัยรถยนต์จะหายไป
💜(8) อสังหาริมทรัพย์จะมีการเปลี่ยนแปลง เพราะถ้าคุณสามารถทำงานได้ระหว่างการเดินทาง คนก็จะย้ายออกไปอาศัยอยู่ในพื้นที่รอบนอกที่มีทัศนียภาพสวยงามกว่ามากขึ้น
💜(9) รถยนต์ไฟฟ้าจะกลายเป็นรถยนต์กระแสหลักภายในปี 2020 เมืองก็จะมีเสียงดังหนวกหูลดลงเพราะรถทุกคันจะเป็นรถไฟฟ้า 
💜(10) ราคาค่าไฟฟ้าก็จะถูกลงและเป็นพลังงานสะอาดอย่างเหลือเชื่อ: การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ได้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากใน 30 ปีที่ผ่านมา แต่คุณเพิ่งจะเห็นผลกระทบของมัน ปีที่แล้วมีการติดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั่วโลกมากกว่าโรงไฟฟ้าถ่านหินฟอสซิล ราคาค่าไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์จะถูกลงอย่างมากจนทำให้บริษัทเหมืองแร่ถ่านหินต้องปิดตัวลงในปี 2025
💜(11) ราคาค่าไฟฟ้าที่ถูกลงจะทำให้มีน้ำราคาถูกและเหลือเฟือจากการเปลี่ยนน้ำทะเลให้กลายเป็นน้ำจืดโดยการใช้กระแสไฟฟ้าเพียง 2kWh ต่อการผลิตน้ำจืดหนึ่งลูกบาศก์เมตร  เราจะไม่ขาดแคลนน้ำในสถานที่ส่วนใหญ่อีกต่อไป เพียงแต่อาจขาดแคลนน้ำดื่มเท่านั้น ลองจินตนาการถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นถ้าทุกคนสามารถมีน้ำสะอาดให้ใช้ได้เท่าที่เขาต้องการโดยเกือบจะไม่มีค่าใช้จ่ายเลย
💜(12) สุขภาพ: ร​​าคา Tricoder X จะมีการประกาศในปีนี้ จะมี บริษัทที่ผลิตเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทำงานได้กับโทรศัพท์ของคุณ (ชื่อ “Tricorder” มาจากภาพยนตร์เรื่อง Star Trek) ซึ่งจะสแกนม่านตาของคุณ พร้อมทั้งตรวจตัวอย่างเลือดและลมหายใจของคุณแล้ววิเคราะห์ ข้อมูลทางชีวภาพ 54 ตัวที่จะบอกโรคได้เกือบทุกชนิดด้วยราคาที่แสนถูก ดังนั้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า มนุษย์ทุกคนบนโลกนี้ก็จะสามารถเข้าถึงการแพทย์ระดับโลกในราคาที่เกือบฟรี
💜(13) การพิมพ์ 3 มิติ: ราคาของเครื่องพิมพ์ 3 มิติที่ถูกที่สุดได้ลดลงจาก 18,000 $ มาเป็น400 $ ภายในเวลาเพียง 10 ปีและมีความเร็วขึ้นกว่าเดิม 100  เท่า บริษัทรองเท้าใหญ่ๆได้เริ่มต้นการผลิตรองเท้าด้วยเครื่องพิมพ์ 3 มิติ รวมถึงในสนามบินที่อยู่ห่างไกลก็เริ่มมีการผลิตชิ้นส่วนอะไหล่ของเครื่องบินโดยเครื่องพิมพ์ 3 มิติแล้ว สถานีอวกาศในขณะนี้ก็มีเครื่องพิมพ์ 3 มิติสำหรับผลิตชิ้นส่วนอะไหล่เอง เพื่อลดความจำเป็นในการเก็บอะไหล่จำนวนมาก ในปลายปีนี้ สมาร์ทโฟนใหม่จะมีความสามารถในการสแกน 3 มิติ ที่จะทำให้คุณสามารถสแกนเท้าของคุณและพิมพ์รองเท้า 3 มิติที่เหมาะสมกับเท้าของคุณไว้ใส่เองที่บ้าน ได้ ประเทศจีนในขณะนี้มีการสร้างอาคารสำนักงาน 6 ชั้นด้วยเครื่องพิมพ์ 3 มิติได้แล้ว ภายในปี 2027  10%   ของผลิตภัณฑ์ทุกอย่างจะถูกผลิตโดยเครื่องพิมพ์ 3 มิติ
💜(14) โอกาสทางธุรกิจ: ถามตัวคุณเองก่อนว่า “ในอนาคตจะเกิดสิ่งนั้นขึ้นไหม” ถ้าคำตอบคือใช่ คุณจะมีวิธีทำให้มันเกิดขึ้นเร็วกว่านี้ไหม แต่ถ้ามันไม่สามารถจะใช้งานร่วมกับโทรศัพท์ของคุณ ก็จงลืมความคิดนั้นไปได้ เพราะความคิดใด ๆ ที่ออกแบบมาเพื่อความสำเร็จในศตวรรษที่ 20 จะล้มเหลวในศตวรรษที่ 21
💜(15) ตำเหน่งงาน: 70-80% ของตำเหน่งงานจะหายไปใน 20 ปีข้างหน้า จะมีงานใหม่เกิดขึ้นจำนวนมาก แต่มันก็อาจจะยังไม่เพียงพอในระยะเวลาที่สั้นเกินไป
💜(16) การเกษตร: ในอนาคตจะมีหุ่นยนต์ที่ใช้สำหรับการเกษตรราคาถูกเพียงตัวละ 100 $  เกษตรกรในโลกที่ 3  จะทำงานเป็นผู้จัดการแทนที่จะทำงานกลางแดดตลอดทั้งวัน การเกษตรแบบ Aeroponics จะใช้น้ำน้อยมาก 
💜(17) เนื้อลูกวัวที่ผลิตในจานเพาะเลี้ยงเซลและเริ่มมีการขายในขณะนี้จะมีราคาถูกลงกว่าเนื้อลูกวัวจริงภายในปี 2018 

ปัจจุบัน 30% ของพื้นที่ทางการเกษตรทั้งหมดใช้สำหรับการเลี้ยงปศุสัตว์ ในอนาคต พื้นที่เหล่านั้นจะไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป
💜(18) โปรตีนจากแมลงจะมีการวางตลาดในเร็วๆ นี้ มันมีโปรตีนมากกว่าเนื้อสัตว์ และมันจะถูกติดฉลากว่าเป็น “แหล่งโปรตีนทางเลือก” (เนื่องจากคนส่วนใหญ่ยังคงรังเกียจการกินแมลงเป็นอาหาร)
💜(19) มีแอปที่เรียกว่า “moodies” ซึ่งสามารถบอกอารมณ์ของคุณได้ในปัจจุบัน แต่ภายในปี 2020 จะมีแอปพลิเคชันที่สามารถบอกการแสดงออกทางใบหน้าของคุณว่าคุณกำลังพูดโกหกอยู่ ลองนึกถึงภาพคนดีที่มายืนยันว่า อุปกรณ์ GT 200 ทำงานได้จริง แต่ขณะถูกถ่ายทอด แอปบอกว่าคนคนนี้กำลังตอแหลอยู่
💜(20) Bitcoin Onecoin Crypto-currency (เงินดิจิตอลที่ใช้ซื้อขายทางอินเตอร์เน็ต): จะกลายเป็นสกุลเงินกระแสหลักในปีนี้ และอาจจะกลายเป็นสกุลเงินสำรองด้วย
💜(21) อายุวัฒนะ: ปัจจุบันค่าเฉลี่ยของชีวิตมนุษย์เพิ่มขึ้น 3 เดือนต่อทุกปี

สี่ปีที่แล้วอายุเฉลี่ยของมนุษย์อยู่ที่ 79 ปี ปัจจุบันนี้เพิ่มเป็น 80 ปี ภายในปี 2036 เราทุกคนอาจมีชีวิตยืนยาวไปถึงมากกว่า 100 ปี
💜(22) การศึกษา: ปัจจุบันราคาสมาร์ทโฟนที่ถูกที่สุดอยู่ที่ 10 $  ในแอฟริกาและเอเชีย ภายในปี 2020 คนในโลก 70% จะมีสมาร์ทโฟนเป็นของตัวเอง ซึ่งหมายความว่าทุกคนจะสามารถเข้าถึงการศึกษาระดับโลกได้ เด็กทุกคนสามารถใช้ Khan Academy สำหรับเรียนรู้ทุกสิ่งที่เด็กในโรงเรียนของประเทศที่เจริญแล้วเรียนได้ ซอฟแวร์นี้ได้เปิดใช้แล้วในประเทศอินโดนีเซียและจะมีเป็นภาษาอาหรับ ภาษาสวาฮิลีและภาษาจีนในฤดูร้อนนี้ สำหรับApp ภาษาอังกฤษจะเปิดให้ใช้ฟรีเพื่อให้เด็กในประเทศแอฟริกาได้เรียนพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องเคล่วภายในเวลาเพียงครึ่งปี
💜ดังนั้น ผู้เตรียมตัวเผชิญหน้ากับอนาคตจึงจะอยู่รอดและได้ชัยชนะอันยิ่งใหญ่/

จึงเรียนมาเพื่อทราบ

Written by pawoot

2016/12/19 at 8:31 AM

Family Trip in Tokyo 2016

leave a comment »

ครอบครัวไปเที่ยวญี่ปุ่น เมืองโตเกียวกันตลอด 5 วัน 4 คืน (8-12 Dec 2016) ทริปนี้เป็นทริปของเด็กๆ โดยเฉพาะ เค้าชอบกันมาก เป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำไปอีกนานสำหรับพวกเค้า และ video นี้จะเป็นสิ่งที่ทำให้เค้าจำบรรยากาศที่สนุกสนาน อบอุ่นของครอบครัวเรา ในเวลาที่เค้าโตไปแล้ว และพวกผมแก่ไปแล้วด้วยเช่นกัน

`ฝันที่เป็นจริง.! พาลิงเป็ปไปดูโรงงานของแอร์ Daikin ที่ชลบุรี

with one comment

 รู้ๆ กันว่าลิงเป็ปชอบแอร์มาก โดยเฉพาะแอร์ไดกิ้น ชอบขนาดไหน (ลองอ่านอันนี้ครับ) ผมเองเมื่อเห็นลูกชอบมาก ก็พยายามจะติดต่อไปทางไดกิ้นทุกช่องทาง เพื่อให้ลิงเป็ปได้ไปดูโรงงาน ว่ากรรมวิธีการสร้างแอร์เป็นยังไง เคยไปโรงงานแอร์ TRANE มาแต่ก็ดูไม่หน่ำใจเค้า ก็เลยพยายามจะติด

ต่อทางไดกิ้นให้ได้ทุกช่องทางทางตรงทางอ้อมเอาหมดในที่สุดก็สามารถติดต่อได้ขอบคุณพลอยผู้ช่วยผมที่ประสานให้พอบอกลิงเป็ปเค้าดีใจมากๆๆๆๆๆๆๆเลยทีเดียว 

วันนี้ (15 Dec 2016) เราก็นัดให้เดินทางไปดูโรงงานแอร์ Daikin อยู่ที่ นิคมอุตสาหกรรม อมตะ ที่ชลบุรี ขับรถไปประมาณชั่วโมงกว่า มีคุณปราย เจ้าหน้าที่ของไดกิ้นคอยช่วยประสานงานและคอยดูแลได้ดีเยี่ยมเลยครับ แอบไปถึงเลท 30 นาที เพราะขับรถผิดครับ 

ขับรถไปกับลิงเป็ป ระหว่างทางลิงเป็ปเปิดเว็บไดกิ้นดูไปพลาง

ไปถึงก็ตกใจมาก เพราะทางไดกิ้น มีทางกลุ่มคนมารอรับเราอย่างอบอุ่นเลยทีเดียว มีผู้บริหารและทีมงานมากันหลายคนเลย มีทางรองกรรมการผู้จัดการ มายืนรอรับเลย ทางผมมีแค่ ผมกับลิงเป็ป 2 คนเท่านั้นเอง เป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยครับ

คณะผู้บริหารและทีมงานรอต้อนรับลิงเป็ปอย่างอบอุ่น ขอบพระคุณมากๆ ครับ

ไปถึงเค้าก็พาไปดูส่วนงานแสดงผลิตภัณฑ์ของไดดิ้น ลิงเป็ปตื่นเต้นมาก แต่แอบเขิลๆ พี่ๆ เค้า แต่ก็สนใจแอร์และคอมเพรซเซอร์หลายๆ รุ่น ที่ปกติเค้าแค่ได้ดูผ่านทาง youtube เท่านั้น วันนี้ได้เห็นของจริง เหมือนฝันเป็นจริงของลิงเป็ป

ผู้บริหารพาลิงเป็ปเดินดูผลิตภัณฑ์ของไดกิ้น ในโชว์รูม

ลิงเป็ปตื่นเต้นกับอุปกรณ์ต่างๆ ของไดกิ้นมากๆ

เห็นแต่ใน youtube วันนี้เห็นของจริงๆ ดีใจมากๆ

หลังจากนั้นเราก็เข้าห้องประชุมคณะผู้บริหารส่วนโรงงานก็มานำเสนอว่าโรงงานของไดกิ้นเป็นอย่างไรทำงานยังไงน่าสนใจมากว่า 

  • ไดกิ้นเป็นแอร์ที่มีมูลค่ายอดขายมูลค่าสูงสุดในตลาดไทย
  • โรงงาน Daikin Industires Thailand (DIT) เป็นโรงงานที่ผลิตแอร์ไดกิ้น ส่งออกไปทั่วโลก และอาเซียนเลยทีเดียว และยังมีอีกโรงงานที่ ระยอง ที่จะเน้นการผลิตไปที่คอมเพรซเซอร์ 
  • ในสายการผลิตภายในโรงงานแอร์ไดกิ้น มีการใช่หุ่นยนต์ (Robot) มาช่วยในการผลิตด้วย ที่เจ๋งมากคือ มีรถขนชิ้นส่วนที่วิ่งภายในโรงงานส่วนใหญ่วิ่งด้วยระบบอัตโนมัติ ไม่มีคนขับ (นึกถึงเรื่องสตาร์วอร์ ที่มีหุ่นวิ่งไปวิ่งมาในโรงงาน ใช่เลยครับ) ผลิตเองโดยภายใน
  • ภายในสายการผลิตมีการควบคุม มาตรฐานดีมากๆ นำเทคนิคและ Knowhow มาจากญี่ปุ่นโดยตรง มีการผลิตชิ้นส่วน หลายๆ ชิ้นภายในโรงงานเลย เช่น การขึ้นรูปของชิ้นส่วนต่างๆ เองเลย เจ๋งมาก
  • มีโรงงานหลายโรง และมีพนักงานมากมายภายใน สร้างงานให้กับประเทศมากมาย

นั่งฟังการเสนอข้อมูลจากทีมงานไดกิ้น

ขอบพระคุณทีมงานไดกิ้นจริงๆ ที่ให้ความสำคัญกับเด็กคนนี้

พอเข้าเขตโรงงานแล้วเค้าไม่อนุญาติให้มีการถ่ายภาพภายในโรงงานเลยมีภาพแค่เฉพาะภายนอกครับแต่ผมมีวีดีโอแนะนำโรงงานไดดิ้นครับไปเจอมาใน Youtube ลองดูกันครับ


ภาพโรงงานตอนดูงานทางทีมงานส่งมาให้

ดูบรรยกาศ วีดีโอ สดๆ ที่ถ่ายผ่าน Facebook Live ได้ที่นี่ครับ.  ตอนที่ 1.  ตอนที่ 2
หลังจากดูโรงงานจบ ลิงเป็ปอิ่มเอมมากๆ ชอบแอร์ไดกิ้นขึ้นอีกเยอะ เข้าใจขบวนการผลิตแอร์ที่เค้าชอบมากขึ้น ทางทีมไดกิ้นบอกว่า ลิงเป็ปเป็นแขกที่มาเยี่ยมชมโรงงานที่อายุน้อยที่สุด (7 ขวบ)  ผมว่าเค้าได้รับแรงบันดาลใจมากขึ้นจากการไปเยี่ยมชมโรงงานครั้งนี้ ขอขอบคุณมากๆ กับทีมงานไดกิ้น ทุกๆ ส่วนนะครับ การที่เปิดโอกาสนี้ให้กับเด็กน้อยตัวเล็กๆ เติมเต็มฝันของเค้าได้มากขึ้น จากการสนับสนุนของกลุ่มผู้ใหญ่จากไดกิ้น ต่อไปบ้านเราจะใช้ไดกิ้นไปอย่างต่อเนื่อง (เพราะลิงเป็ปชอบแต่ยี่ห้อนี้ ซื้อยี่ห้ออื่นไม่ได้) ยิ่งได้ไปเห็นโรงงานและสายการผลิตทำให้เรามั่นใจได้เลยว่า ผลิตภัณฑ์ของไดกิ้นได้มาตรฐานจริงๆ  

เดียวผมจะพาลิงเป็ปไป โชว์รูมสินค้าของไดกิ้นที่ครบสมบูรณ์แบบที่ อ่อนนุชครับ อยากให้เป็ปเห็นครบทุกมุมมองในสิ่งที่เค้าชอบจริงๆ 

ช่วงของชีวิตที่ฟิตที่สุด

leave a comment »

นี้คือช่วงเวลาที่ชีวิตผม ฟิตที่สุด (ช่วงตอนอายุ 41) หลังจากเรียนจบ ABC4 ผมมีเพื่อน กลุ่มใหม่ และก็มีการชวนกันทำกิจกรรมร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นการเข้าคอรส์การวิ่ง คอรส์โยคะ และรวมไปถึงผมเองก็ได้มีโอกาสไปลงเรียนคอรส์สอนร้องเพลงมีเทรนเนอร์ออกำลังกายทุกอาทิตย์ 

  • วิ่ง – ผมเริ่มเข้าร่วมงานวิ่งต่างๆ โดยเริ่มวิ่งที่ 10 km และไปลงเรียนการวิ่งอย่างจริงจัง กับโค้ชพี่ MJ ทุกวัน และเรามีห้อง “กากอยากหลั่ง” ของเพื่อนๆ ABC4 ที่จะมาช่วยกัน แชร์ พลักดัน ในการให้ทุกคนออกมาวิ่ง ห้องนี้มีผลต่อการวิ่งของผมมาก
  • โยคะ – เพื่อน ABC4 ชวนไปเรียนกับครูจิมมี่ สอนดีมาก เราไปเรียนที่ King Power ทุกอาทิตย์ในช่วงนี้ (2016) สนุกและร่างกายได้ยืดหยุ่นจริงๆ
  • ร้องเพลง – ที่ลงเพราะพาลูกๆ ไปเรียนดนตรี แล้วตัวเองต้องนั่งรอ ไม่รู้ทำอะไรเลย เลยไปลงเรียนแบบขำๆ ไปเรียนที่ โรงเรียน KPN เซนทรัลปิ่นเกล้า
  • ฟิตเนส – อยากออกกำลังกายแบบฟิตเนสมานาน ไปมาหลายที่ แต่ไม่เวอร์กเลย เพราะไปเองบาง เจอเทรนเนอร์ห่วยบ้าง จนมาเจอ เอเอ ABC4 แนะนำเทรนเนอร์ พี่ริท เค้ามาที่คลับเฮ้าส์ของหมู่บ้านผมทุกอาทิตย์ อาทิตย์ละ 3 วัน วันธรรมดา ผมเจอแกตอนตี 5.30 เพราะกลางวันไม่มีเวลาเลย
  • ปั่นจักรยาน – ปั่นเดือนละ 1-2 ครั้งแถว บ้านนี้แหละ
  • คุมน้ำหนัก คุมอาหาร – หลังจากรู้ว่ามีติ่งเนื้อที่ถุงน้ำดี และได้ไปเรียนกับหมอเขียว แพทย์วิถีธรรม มาเลยเริ่มงด เนื้อสัตว์ หันมาทานผัก ผลไม้มากขึ้น

ขอบันทึก ชีวิตตัวเองในช่วงนี้ไว้ทีนี่ครับ

ที่ห้องร้องเพลง (เสื้อผ้าโดย Zanim)

ครูแมงปอ สอนร้องเพลง

Written by pawoot

2016/12/08 at 4:42 AM

ต้นแบบของผม

leave a comment »

ป๊าผมได้รับเกียรติ ในการรับโล่รางวัล..คนดีศรีท่าเรือ จังหวัดกาญจนบุรี ตัวอย่างและต้นแบบของลูกๆ และอีกหลายๆ คน ชื่นชมและต้องยอมรับป๊าผมคือผู้ที่หล่อหลอม เป็นต้นแบบที่ดีในการทำงานด้านธุรกิจ แนวความคิด และการทำงานให้สังคมของผมอย่างแท้จริงเลย 
พ่อผมจบวิศวะบางมด แต่เป็นนักการตลาดตัวยงเลย เข้าใจเรื่องการใช้สื่อการสร้างแบรนด์อย่างดีมาก หากคุณมีโอกาสไปเมืองกาญจน์ แล้วเจอป้าย “โล้งเฮงหมง” ในหลายๆ ที่ วิทยุ สิ่งพิมพ์ Road Show งาน Event นี้คือฝีมือของพ่อผม ที่สร้างแบรนด์นี้มาตลอดหลายสิบปีตั้งแต่ผมยังเด็กๆ ภาพที่เห็นเป็นประจำคือ ป๊าผมจะชอบวาด เขียน สเก็ต แผนทั้งหมด แล้วสั่งให้ทีมป้าย ทีมออกแบบ ทีมวิทยุ หรือทีมออกงานไปทำ

ป๊าชอบอ่านหนังสือพิมพ์ธุรกิจ อย่าง ฐานเศรษฐกิจฯ ประชาชาติ ตอนเด็กๆ ผมเลยชอบอ่านหนังสือพวกนี้มาก เลยเป็นส่วนสำคัญในการปูพื้นฐานของการสนใจใน การตลาด และธุรกิจ ของผมตั้งแต่ 7-8 ขวบ
และป๊าคือต้นแบบของการทำงานเพื่อสังคมของผมอย่างแท้จริง งานที่โรตารี่ งานช่วยเหลือชุมชน สร้างสิ่งต่างๆ มากมายให้สังคม ไม่ว่าจะใกล้ไกล ป๊าผมไปหมด มีโครงการมากมาย (โล่ รางวัล มากมายที่บ้าน คือสิ่งยืนยัน ในอุตสาหที่ป๊าทำมา)
สิ่งที่ป๊าสอน สิ่งที่ป๊าทำ อยู่ในแนวการทำงานผมมาโดยตลอด และมันจะเป็นสิ่งที่ถูกสอนต่อไปรุ่นต่อรุ่นของเราครับ ชื่นชมป๊าครับ Voravut Pongvitayapanu

#คนเมืองกาญจน์ #myinspiration