Archive for the ‘Uncategorized’ Category
วันก่อตั้ง “ชมรม E-Logistic ไทย”
ในที่สุดก็มีวันนี้ วันก่อตั้ง “ชมรม E-Logistic ไทย” มีคณะก่อการจากหลายบริษัทด้าน E-Logistic ของไทย เราได้
- ประธานชมรม โหน่ง Giztix
- รองประธาน โมชิ Shippop
- เลขาฯ น้ำฝน SiamOutlet
และอีกหลายๆ ท่าน ที่จะมาขับเคลื่อนวงการ E-Logistic และ E-Commerce ของไทย ร่วมกับสมาคม E-Commerce และ E-Payment (ประชุมที่ ออฟฟิส TARAD.com) หลังจากที่พยายามมากหลายๆ ครั้งๆ (ผมจัดงานประชุมกลุ่มคนทำ E-Logistic หลายครั้งมาก่อน แต่ไม่เกิดเป็นทีมขึ้นมาเลย – งานประชุมครั้งแรก)
ระบบสวนครัวน้ำหยด เริ่มต้นที่นี่ตอนนี้ขยายผลทั่วประเทศแล้วนะ …. – Pantip
http://pantip.com/topic/35243680
วิธีการคิดแผนธุรกิจ Mastering Business Plan
เมื่อวานไปช่วยน้องคนนึงทำแผนธุรกิจ เลยขอสรุปขั้นตอนการวางแผนธุรกิจไว้ดังนี้ครับ ทุกอย่างมันจะเกี่ยวผันกันหมดครับ
สำหรับคนทำธุรกิจอยู่แล้ว ดูได้ว่าเรามีสิ่งเหล่านี้ครบหรือไม่ และสำหรับคนที่จะเริ่มต้นธุรกิจใช้เป็นแนวทางในการวางแผนเริ่มต้นธุรกิจครับ
- ไอเดีย (Idea) – มีไอเดียอยากทำอะไรบางอย่าง
- Vison & Objective – มีเป้าหมายและทำไปตอบโจทย์อะไร
- สินค้าหรือบริการ (Product or Service) – มีสินค้าหรือบริการอะไร
- แผนพัฒนาสินค้า บริการ (Development Plan) – จะทำอย่างไรให้สินค้าและบริการพัฒนาออกมาได้
- กลยุทธ์ การตลาด (Marketing & Strategy) – จะทำให้คนรู้จักและเข้ามาใช้ได้อย่างไร
- ทีมงาน (Team and Responsible) – มีคนและทีมงานเท่าไร
- Road Map & Action Plan & KPI – แผนงาน แผนดำเนินงานและตัวชี้วัดที่ชัดเจน
- แผนการเงิน (Financial Plan) – จะใช้และได้เงินเท่าไร อย่างไร
- แผนสำรอง (Backup Plan) – หากไม่เป็นไปตามแผน จะมีแผนอื่นอย่างไร
ผมทำเทมเพลทวางแผนการทำธุรกิจไว้แล้ว สนใจไป โหลดมาใช้ได้เลยครับ
ปล. เขียนไว้คร่าวๆ ก่อนเดียวมาเขียนต่อ (Feb 11, 2016)
นอนน้อย อันตรายที่ใกล้ตัว.!
มีคนส่งมาใน Line อ่านแล้ว โดนตัวเองเลย เพราะนอนค่อนข้างน้อย บางช่วงน้อยกว่า 5 ชม. ต่อคืน เก็บไว้เป็นความรู้ครับ
======================
Ranjan Das ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
บริษัท SAP-Indian subcontinent เสียชีวิตจาก
หัวใจวาย หยุดเต้นรุนแรงในมุมไบเมื่อเร็ว ๆ นี้
เขาเป็นหนึ่งของซีอีโอคนสุดท้อง เขาอายุเพียง 42 ปี
สิ่งที่ฆ่า Ranjan Das ?
เขาเป็นคนที่ active มากในการเล่นกีฬา ได้รออกกำลังกายและยอดนักวิ่งมาราธอน
หลังจากการออกกำลังกายของเขาเขาทรุดตัวลงกับหัวใจวายและเสียชีวิต
เขาทิ้งภรรยาและลูกสองคนหนุ่มสาวของเขามาก
แน่นอน เหตุการณ์นี้ ปลุกเตือนองค์กรอินเดีย ยิ่งสร้างความตระหนกสำหรับนักวิ่ง
คำถามที่เกิดขึ้นว่า ทำไมคนที่แข็งแรงอย่างยิ่ง จึงต้องเสียชีวิตต่ออาการหัวใจวาย ในขณะที่อายุเพียง 42 ปี
เหตุผลที่แท้จริงคืออะไร?
ทุกคนมองข้ามสิ่งเล็ก ๆ ในรายงานที่ Ranjan Das ใช้เวลา 4-5 ชั่วโมงสำหรับการนอนหลับ
ในการให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ Ranjan Das ให้สัมภาษณ์ NDTV ในรายการ ‘Boss’ day out’ ,
Ranjan Das ยอมรับว่าเขานอนน้อย และอยากที่จะได้นอนหลับมากกว่านี้
ระยะเวลาการนอนหลับสั้น (น้อยกว่า 5 หรือ 5-6 ชั่วโมง) เพิ่มความเสี่ยงต่อความดันโลหิตสูงขึ้น
350% – 500% เมื่อเทียบกับผู้ที่หลับนานกว่า 6 ชั่วโมงต่อคืน
คนหนุ่มสาว (25-49 ปี) มีความเสี่ยงเป็นสองเท่า ที่จะมีความเสี่ยงต่อความดันโลหิตสูงหากพวกเขานอนหลับน้อย
บุคคลที่หลับน้อยกว่า 5 ชั่วโมงต่อคืนมีความเสี่ยงเป็น 3 เท่า ต่อความเสี่ยงของโรคหัวใจ
ในคืนหนึ่งๆ ของการนอนน้อย จะมีการเพิ่มขึ้นของสารพิษในร่างกายมากเช่น
Interleukin-6 (IL-6), เนื้องอกเนื้อร้ายปัจจัยอัลฟา (TNF-alpha) และ
C-reactive protein (CRP) นอกจากนี้ยังทำให้เกิดโรคมะเร็งโรคข้ออักเสบและโรคหัวใจ
การนอนที่น้อยกว่า 5 ชั่วโมงต่อคืน จะนำไปสู่การเพิ่มขึ้น 39% ในการเกิดโรคหัวใจ
การนอนที่น้อยกว่า 6 ชั่วโมงต่อคืน จะนำไปสู่การเพิ่มขึ้น 8% ในการเกิดโรคหัวใจ
การนอนหลับที่ดีคืออะไร?
ในช่วงสั้น ๆ การนอนหลับประกอบด้วยสองขั้นตอน:
REM (Rapid Eye Movement-ช่วงที่ลูกตาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว)
และ non-REM
REM จะช่วยในการปรับปรุงสภาพจิตใจ
ในขณะที่ non-REM จะช่วยในการซ่อมแซมและเสริมสร้างสภาพร่างกาย
ไม่น่าแปลกใจ เมื่อคุณตื่นขึ้นมาจากนาฬิกาปลุก หลังจากนอน 5-6 ชั่วโมง
คุณจะรู้สึกหงุดหงิดใจตลอดทั้งวัน (ขาดการนอนหลับ REM)
และถ้าใครได้นอนหลับน้อยกว่า 5 ชั่วโมง จะพบว่าร่างกายอยู่ในสภาพที่ไม่ฉบับสมบูรณ์ (ขาดการนอนหลับที่ไม่ REM), คุณจะเหนื่อยตลอดทั้งวันและภูมิคุ้มกันทางลง
โดยสรุป:
ในด้านการควบคุมความเครียด Ranjan Das ทำทุกอย่างถูกต้อง:
การรับประทานอาหารที่เหมาะสม, การออกกำลังกาย, การรักษาน้ำหนักที่เหมาะสม
แต่เขาพลาดในเรื่องการนอนหลับที่เหมาะสมและเพียงพอ(อย่างน้อย 7 ชั่วโมง) นั่นแหละที่ฆ่าเขา
เรากำลังเล่นอยู่กับไฟ ถ้าเรานอนหลับน้อยกว่า 7 ชั่วโมง แม้ว่าร่างกายเราจะมีความเครียดในระดับต่ำ
อย่าตั้งนาฬิกาปลุกของคุณให้ต่ำกว่า 7 ชั่วโมงสำหรับการนอน
Ranjan Das เขาไม่ได้เป็นแบบนี้คนเดียว มีอีกหลายคนมีพฤติกรรมแบบเดียวกัน
ทำนายภูมิทัศน์ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในอีกสิบปีข้างหน้า
เจอบทความนี้ ใน internet ชอบมาก เลยขอนำมาเก็บไว้ ส่วนตัวผมมองว่า ทั้งหมด สามารถเกิดขึ้นได้จริง แน่ๆ
Thai Netizen Network
ทอมสันรอยเตอร์ ตีพิมพ์รายงาน “The World in 2025: 10 Predictions of Innovation” ทำนายภูมิทัศน์ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในอีกสิบปีข้างหน้า โดยบทบาทของวัสดุศาสตร์และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) นั้นมีมากขึ้นเรื่อยๆ
จากการรวบรวมข้อมูลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์และข้อมูลการจดสิทธิบัตรทั่วโลกที่อยู่ในฐานข้อมูลของบริษัท ทีมวิจัยของทอมสันรอยเตอร์ (Thomson Reuters) ทำนายว่า นวัตกรรมใหม่ 10 อันดับแรกที่จะเกิดขึ้นใน ค.ศ. 2025 จะมีดังนี้
1. ทุกอย่างจะกลายเป็นดิจิทัล – สิ่งของทุกอย่างจะเชื่อมต่อกันด้วยระบบดิจิทัล อันเป็นผลมาจากการพัฒนาสารกึ่งตัวนำและตัวเก็บประจุ เครือข่ายโทรศัพท์ที่ไม่พึ่งระบบเซลลูลาร์ และเทคโนโลยี 5G
2. แสงอาทิตย์จะกลายเป็นแหล่งพลังงานหลักของโลก – การพัฒนาเทคโนโลยีด้านเคมีและโครงสร้างระดับนาโนของอะเรย์ ทำให้อัตราการแปลงแสงอาทิตย์เป็นพลังงานสูงขึ้น จากปัจจุบันที่ต่ำกว่า 10%
3. ภาวะสมองเสื่อมลดลง – ความสามารถเข้าใจข้อมูลทางพันธุกรรมของมนุษย์และการกลายพันธุ์ของยีน จะช่วยในการตรวจหาและป้องกันโรคที่เกี่ยวกับระบบประสาท เช่น ภาวะสมองเสื่อมและโรคอัลไซเมอร์
4. โรคเบาหวานชนิดที่ 1 จะสามารถป้องกันได้ – ความรุดหน้าในการใช้ RNA ช่วยในกระบวนการพันธุวิศวกรรม จะทำให้เราป้องกันโรคบางโรคได้ด้วยการแก้ไขยีน
5. การขาดแคลนอาหารและราคาอาหารที่ผันผวนจะกลายเป็นอดีต – ด้วยเทคโนโลยีส่องสว่างที่ใช้พลังงานต่ำผสมกับการแปลงพันธุกรรมพืช ทำให้เป็นไปได้ที่จะปลูกพืช 24 ชั่วโมงตลอดปีในพื้นที่ปิด นอกจากนี้เทคนิคด้านภาพจะช่วยให้ตรวจจับโรคและความผิดปกติในพืชได้อย่างรวดเร็ว
6. การขนส่งทางอากาศโดยเครื่องบินไฟฟ้า – แบตเตอรี่ที่เก็บไฟได้มากขึ้นในขนาดที่เล็กลง และทางเลือกเช่นไฮโดรเจนที่เกิดปฏิกิริยาผันกลับได้สำหรับเซลล์เชื้อเพลง ประกอบกับวัสดุที่เบาลง จะทำให้เราเห็นเครื่องบินไฟฟ้าขนาดเล็กเพื่อการพาณิชย์บินในเส้นทางใกล้ๆ
7. เซลลูโลสจะแทนที่ปิโตรเลียม – วัสดุจากนาโนเซลลูโลสที่แข็งแรงและมีน้ำหนักเบาจะมาแทนที่พลาสติก บรรจุภัณฑ์ทุกชนิดในอนาคต ไม่ว่าจะสำหรับใส่อาหาร ยา เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือเสื้อผ้า ทั้งหมดจะย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ
8. การรักษามะเร็งจะก่อให้เกิดอาการข้างเคียงน้อยลง – ด้วยข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) เกี่ยวกับผลในการรักษาระดับโมเลกุลของตัวยา และข้อมูลพันธุกรรมที่เจาะจงของคนไข้ แพทย์จะสามารถออกแบบยาให้ตรงกับยีนของคนไข้แต่ละรายเป็นการเฉพาะ ทำให้เกิดผลข้างเคียงน้อยลง
9. การทำแผนที่ทางพันธุกรรม (DNA Mapping) ตั้งแต่แรกเกิดจะเป็นเรื่องปกติ – ทารกจะถูกทำแผนที่ทางพันธุกรรม และจะมีการตรวจประจำปีเพื่อดูว่ามีสัญญาณบอกโรคหรือไม่ การตรวจเลือดจะเป็นเรื่องล้าสมัย เมื่อเราสามารถใส่นาโนโพรบหรือตัววัดขนาดจิ๋วลงไปในร่างกายเพื่อเก็บข้อมูลได้นานขึ้นและแม่นยำขึ้น
10. การทดลองการเคลื่อนย้ายสสารหรือเทเลพอร์เทชั่น (Teleportation) – ตั้งแต่เปิดใช้เครื่อง Large Hadron Collider (LHC) งานวิจัยเกี่ยวกับอนุภาคฮิกส์ก็มีมากขึ้น จำนวนงานวิจัยที่เพิ่งขึ้นอย่างมากดังกล่าว ทำให้เป็นไปได้ว่าในปี 2025 จะมีการทดสอบควอนตัมเทเลพอร์เทชั่น
ที่มา: http://sciencewatch.com/tags/2025
อ่านรายงานฉบับเต็มได้ที่ http://sciencewatch.com/sites/sw/files/m/pdf/World-2025.pdf
ความได้เปรียบของการอยู่ประเทศไทย
จากการที่ผมได้ไปต่างประเทศในอาเซียนมาหลายหลายประเทศ ทำให้ข้อได้เปรียบของ
ประเทศไทย คนไทยมีความกลุ่มเป็นก้อนในเรื่องเชื้อชาติ เราไม่มีการแบ่งว่า คนจีน
คนไทย คนมุสลิม และคนอะไรก็ตาม เรามองว่า ทุกคนคือคนไทย แต่เมื่อเปรียบเทียบกับต่างประเทศประเทศสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ประเทศเหล่านี้มีการแบ่งชนชาติกันอย่างชัดเจน แบ่งเป็นมาเลย์ เป็นคนจีน คนอิสลาม และมีการแบ่งชนชั้นกันทั้งในทางสังคมและเศรษฐกิจ ทำให้การทำธุรกิจในประเทศเหล่านี้มีข้อจำกัดอย่างมาก
ในประเทศมาเลเซียคนจีนเธอเป็นคนชนชั้นที่ 2 ถูกให้ความสัมพันธ์น้อยกว่าคนมาเลย์ ทางการเรียนก็ถูกแบ่ง ทางการเมืองก็ถูกแบ่ง ทั้งทั้งที่คนจีนควบคุมเศรษฐกิจในประเทศเป็นส่วนใหญ่ สิ่งเหล่านี้เกิดเช่นเดียวกันในประเทศอินโดนีเซีย มีการแบ่งชนชาติกันอย่างชัดเจนเช่นเดียวกัน
เมื่อกลับมามองประเทศไทยเรา เราไม่มีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นเลย เรามองทุกคนเป็นคนไทยแม้จะต่างเชื้อชาติ แต่ทุกคนคือคนไทย สิ่งเหล่านี้ต้องขอบพระคุณพระมหากษัตริย์ไทยที่ทรงมองทุกชนชาติ ทุกเผ่าพันธุ์ที่อยู่ในพื้นแผ่นดินไทยคนไทยทุกคน
สิ่งเหล่านี้คือข้อได้เปรียบของประเทศไทยที่ประเทศอื่นๆต่างอิจฉาและอยากให้ประเทศของตนเป็นประเทศไทยเราคนไทย “จงภูมิใจที่เราอยู่ในประเทศไทย”
ป.ล.พิมพ์โดยใช้การพูดด้วยเสียงผ่านไอโอเอสใน iPad