Pawoot Personal Blog & Think Tank

E-Business Man Daily Life and What I'm Thinking

เทคนิคการเริ่มและนำพาธุรกิจให้รอด.! พร้อมเครื่องมือ

with 3 comments

ตอนนี้บอกได้เลยว่า วิชาในการทำธุรกิจผมดีมากขึ้นจนถึงระดับนึง ถึงขนาดสามารถวิเคราะห์บริษัทที่มาปรึกษา ได้เลยว่า ตอนนี้ “ปัญหา” หรือ “Challenge” ของธุรกิจเค้า อยู่ตรงจุดไหน อะไรคือสิ่งที่เค้าต้องฝ่าฝัน และแก้ปัญหา และวิธีการแก้ปัญหาคือวิธีอะไร? จะใช้เครื่องมือไหน?

อันนี้ไม่ได้โม้นะ แต่กำลังโม้อยู่…ฮ่าๆๆ (จากประสบการณ์ที่ให้คำปรึกษามาหลายๆ ธุรกิจ)

โดยวิเคราะห์จากประสบการณ์ในการทำงาน และทำบริษัทมาหลายบริษัทตลอด 20 ปี ผมเริ่มวิเคราะห์ ได้แล้วว่า บริษัทนั้นๆ อยู่ในช่วงเวลาไหนของธุรกิจ ผมเทียบกับการบินของเครื่องบิน (ดูภาพประกอบ)

1.) Taxi – ช่วงกำลังจะออกจากรันเวย์ คือช่วงที่เรากำลังเริ่มธุรกิจใหม่ๆ เลย ต้องพิสูจน์ว่าสิ่งที่ต้องการทำมันไปได้หรือไม่

2.) Take off – ช่วงกำลังจะบินกระดกหัว คือช่วงที่ธุรกิจกำลังเริ่มเติบโต เริ่มขยายตัว เริ่มมีคนเข้ามาองค์กรมากขึ้น ต้องการคนเข้ามาสนับสนุน ต้องการรายได้มากขึ้น

3.) Fly – ช่วงบินออกไปแล้ว เป็นช่วงที่ธุรกิจอยู่ได้แล้ว และต้องการขยายตัวออกไป ในแนวทางต่างๆ

ในแต่ละช่วงธุรกิจ คุณต้องมีการเตรียมตัว มีอะไรคือปัจจัยที่สำคัญ และสิ่งที่คุณต้องมีในการนำธุรกิจให้ผ่านไปแต่ละช่วง (โดยเฉพาะธุรกิจ Startup) ซี่งจากประสบการณ์ที่เจอมาหลายๆ บริษัท มักจะขาดองค์ประกอบไปหลายๆ ส่วน และมักจะมีปัญหาหลายรูปแบบ

ซึ่งปัญหาที่คุณเจอ หรือคุณกำลังจะเจอคือปัญหาอะไร? และจะแก้มันด้วยวิธีไหน? เครื่องมืออะไร? ผมวิเคราะห์ออกมาเป็นภาพแล้ว

และขั้นตอนในการทำธุรกิจเพื่อ Take Off มีวิธีอะไรบ้าง ต้องทำอะไรบ้าง ผมมี Template ในการทำ การควบคุม การติดตามให้ใช้ได้ทันที จากประสบการณ์ในการทำงานหลายๆ ปีที่ผ่านมาทั้งจากบริษัทตัวเอง จากการเรียนรู้จาก Rakuten หรือจากบริษัท Startup หลายๆ แห่งที่ได้มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ

ขั้นตอนในการวางแผนธุรกิจมี flow และ ลำดับประมาณนี้ครับ

ลำดับในการวางแผนธุรกิจ

1.) Business Model – คุณจะทำธุรกิจอะไร? จะเก็บเงินยังไง จะเติบโตยังไง? มีรูปแบบธุรกิจยังไง?​ เอาให้ชัด และที่สำคัญ “คุณต่างจากคนอื่นยังไง?” ข้อนี้โคตรสำคัญ เพราะถ้าโมเดลการทำธุรกิจของคุณเหมือนคนอื่น สิ่งที่คุณจะต้องนำไปสู้กับเค้าก็คือ “ราคา”​ ซึ่งอันตรายมาก หากคุณจะเอาราคาไปแข่งขัน แต่หากคุณแตกต่าง ไม่เหมือนคนอื่น เป็นคนแรกที่ทำ (1st Mover Strategy) คุณจะสามารถกำหนดทุกอย่างได้ดีกว่า

2.) วางแผนเรื่อง Product หรือ Service – ของคุณว่าคุณจะมีอะไรบ้าง คุณทำอะไร? (What) จะออกเมื่อไร (When) > แผนการออกสินค้าและบริการ (Producut Roadmap & Timeline) และใครจะทำ (Who)

3.) วางเป้าหมาย Goal & Target – ว่าเป้าหมายของคุณคืออะไร? ยอดขาย? ยอคนใช้บริการ? 

4.) ทีมและโครงสร้างองค์กร – เมือรู้ว่าจะทำอะไร รู้แล้วว่าต้องใช้ใครทำ กี่คน ตอนไหน เราก็มาวางแผนโครงการทีม องค์กร ว่าจะเป็นแบบไหน มีกี่ทีม มีกี่คน

5.) แผนการเงิน Financial Budget – เมื่อเรารู้ว่าต้องมีคนเท่าไร เราก็เริ่มมาวางแผนทางการเงินได้ ว่าเป้าหมายรายได้มีเท่าไร มีต้นทุน มีค่าใช้จ่าย เงินเดือน ค่าเช่าออฟฟิศ ค่าต่างๆ มากมาย เท่าไร? (ดูเทมเพลทแผนการเงินด้านล่าง) – (ดูเทมเพลทการวางแผนทางการเงินด้านล่าง)

6.) วางแผนการทำงาน (Operation Plan) – ว่าเราต้องมีเป้า KPI ให้กับองค์กร และแต่ละคน ของทั้งปี เดือน และวัน รวมไปถึงการวางเป้าที่องค์กรต้องทำให้ได้ด้วยการทำ OKR มาใช้เร่งประสิทธิภาพองค์กร หรือแผนงานขาย ว่าเราจะมีเป้ายอดขายเท่าไร และเราจะทำยังไง เราถึงจะได้ยอดขายนั้นมา (ดูเทมเพลทการวางแผนการขาย)

  • Sale KPI Template ไว้วางเป้าและควบคุมยอดขาย > (ดูเทมเพลทด้านล่าง)
  • Product & Service KPI Template ไว้ควบคุมว่าสินค้าและบริการของคุณจะมีคนเข้ามาใช้ ตามเป้าที่วางเอาไว้ > (ดูเทมเพลทด้านล่าง)

7.) ปรับปรุงทุกวัน (Daily Improvment) – หลังจากนั้นเราก็เริ่มดำเนินตามแผน ติดตาม ควบคุม ปรับปรุง “ทุกวัน” ให้ประสิทธิภาพดีขึ้น (ดูเทมเพลทด้านล่าง)

8.) วางแผนการทำการตลาดการสร้างแบรนด์ – ของคุณให้เป็นที่รู้จัก เพราะยิ่งแบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จัก การทำการตลาด การขาย จะทำได้ง่ายมากขึ้นๆ เยอะๆ ครับ

9.) หา Partner – หาคนที่จะมาทำงานร่วมกัน เดินไปด้วยกัน บางครั้ง Partner ที่ดีจะเสริมให้ธุรกิจคุณเติบโตไปข้างหน้าด้วยกัน ต้องเป็น Win-Win-Win คือทุกคนต้องได้ด้วยกับการร่วมมือกัน 

ลองดูไฟล์แนบครับ ผมแบ่ง Staging หรือขั้นตอนในการบริหารธุรกิจให้ Take Off หรือปัญหาที่คุณจะเจอ และสิ่งที่คุณต้องทำ และเตรียมตัวในองค์กรของคุณ สนใจลองไปดูได้เลยครับ

1.) Template การวางแผนการเงิน (Financial & Budget KPI)

อันนี้โคตรสำคัญเลย เป็นการวางเป้าหมาย รายรับ-ร่ายจ่าย ไว้ก่อนล่วงหน้าเลย ว่าปีนี้ เรามีรายได้เท่าไร มาจากไหนบ้าง? ค่าใช้จ่ายมีเท่าไร? และมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง เงินเดือน, ค่าเช่า, ค่าน้ำ, ค่าไฟ, ค่านู้นๆ นี่ๆ ต้องวางเป้าไว้เลยว่าเราจะมีเท่าไร เพื่อคุม และสุดท้ายเราก็จะรู้ว่า เรามีเหลือ กำไร-ขาดทุนเท่าไร? ลองดูเทมเพลทของผม นำไป copy แล้วใช้ได้เลย

2.) Template การวางแผนการขาย KPI Target Goal (Sale KPI)

เป็นการวางแผนเป้ายอดขาย ว่าคุณจะมียอดขายเท่า และทำยังไงถึงจะสามารถมียอดขายได้

https://docs.google.com/spreadsheets/d/1NvLKYnC-76e_nH_0N5Co-VKq2rfJCdXdJHhaSucqSDM/edit#gid=1072073968

2.1 template งานขายแบบ มุ่งเน้นเป้าหมาย หากเป้าไม่ถึง จะทบเข้าไปอีกวัน และกระจายเป้าออกไป

https://docs.google.com/spreadsheets/d/1av6AN1s6TKWUqKQgb1uHo3dLxYF4S34NCwtHAAma2B8/edit#gid=0

3.) Template การ Track Business Performance (GMV)

หากธุรกิจเป็นบริการที่มีการวัดจากคนท่ีเข้ามาซื้อ เข้ามาชม เราต้องมีการวัดผลในทุกข้อมูล เช่น คนเข้ามา (Visit) คนซื้อ ยอดขาย (Order) หรือ อัตราคนซื้อ (CVR – Conversion Rate)

https://docs.google.com/spreadsheets/d/17b1N4PsFpBLvOHcaEsy_Y2p0Pi3dLRwjGdDG4Y3uY6I

หากไม่เข้าใจลองสอบมากันได้ครับ อาจจะไม่ได้ถูกต้อง 100% และไม่ได้ professional มากๆ แต่ผมก็ทำระดับนึงว่ามันน่าจะโอเคเลยทีเดียวครับ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาครับ

ลองดูครับ flow & sequence ของสิ่งที่แชร์มาเพือนำไปใช้กับธุรกิจของคุณได้ครับ

ดูที่ผมพูดถึงการลงทุนตอนไปเล่าให้กับกลุ่ม YEC นนทบุรีเรื่องนี้กันครับ

Written by pawoot

2019/05/22 at 8:33 AM

3 Responses

Subscribe to comments with RSS.

  1. พี่ป้อมครับ Template การ Track Business Performance (GMV) ดาวน์โหลดไม่ได้ครับ รบกวนด้วยครับ ขอบคุณครับ

    Like

    kapongpang

    2019/05/23 at 9:36 AM

  2. Reblogged this on Watcharapong Wongwiwat.

    Like

    kapongpang

    2019/05/23 at 9:50 AM

  3. […] จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมแทบทุกธุรกิจที่ผมบริหาร ผมจะตั้งเป้าเป็นรายวัน เพราะ “เมื่อเป้าหมายเล็กแบ่งเป็นรายวัน จะทำได้ถึงง่ายกว่าที่เป้าหมายใหญ่ที่มองทีเป็นอาทิตย์หรือเดือน” โดยสังเกตุง่ายๆ จาก Target Template Format ที่ผมใช้วางแผน ติดตามงานของทีม จะแบ่งออกเป็นรายวัน… อ่านได้ที่นี่ https://pawoot.wordpress.com/2019/05/22/startup-business-step-and-template/ […]

    Like


Leave a comment