Pawoot Personal Blog & Think Tank

E-Business Man Daily Life and What I'm Thinking

เมื่อคุณ “เติม” คุณก็ “โต”

with 9 comments

ตลอดชีวิตการทำงานของผม ผมสังเกตุเห็นคนทำงานหลายๆคน ที่ทำงานโดยเฉพาะคนที่เป็นหัวหน้าคน หรือเจ้าของกิจการ ผมจะเจอคนและองค์กรอยู่ 2 ประเภท
  1. คนและองค์กรที่ตั้งหน้าตั้งตาทำงานแบบประจำวันไปเรื่อยๆ ไม่มีอะไรใหม่
    พอใจในรูปแบบงานปัจจุบัน ไม่มีการเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ไม่มีแนวทางหรือความคิดว่า จะมีแนวทางในการปรับปรุงทำให้งานที่เราทำอยู่ดีและเร็วขึ้น หรือองค์กรเราจะเติบโตไปได้อย่างไร แบบก้าวกระโดด  ง่ายๆ คือไม่มีเป้าหมายในระยะสั้นหรือระยะยาว (Shot and Long Term Goal)  เช่น อีก 3-5 ปีข้างหน้าองค์เราจะเป็นอย่างไร? และเราจะปรับปรุงานปัจจุบันให้ดีขึ้นอย่างไร? ส่วนใหญ่จะเป็น “คนและองค์กรที่ไม่ค่อยเปิดหูเปิดตา เรียนรู้อะไรใหม่ๆ” ไปเรื่อยๆ พอมีอะไรใหม่ๆ เข้ามาก็ “กลัวที่จะเปลี่ยนแปลง คิดว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่ยาก ไม่สามารถเป็นไปได้” เราจึงไม่ค่อยคนและองค์ประเภทนี้เติบโตเท่าไร
  2. คนและองค์กรที่เรียนรู้ และเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เป็นคนที่เปิดโลก
    พยายามหาอะไรใหม่ๆ เข้ามาเปลี่ยนแปลง ปรับปรุงตัวเองหรือองค์กร สร้างแนวทางการเติบโต และมีการวางเป้าหมายอย่างชัดเจน ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว เช่นมองไปข้างหน้าว่า 3-5 ปี ว่าเราจะเป็นอย่างไร และแผนนั้น มีแนวทางการดำเนินการอย่างชัดเจน และมีโอกาสเป็นไปได้” ซึ่งเรามักจะเห็นคนและองค์กรประเภทนี้ เติบโตไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว “กล้า ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรใหม่ๆ อยู่เสมอ”
กลับมาถามตัวเองว่า คุณเป็นคนและองค์กรประเภทไหน? เราอยากจะทำให้ทีมหรือองค์กรของเราอยากเติบโตไปข้างไหม แต่เรากลับไม่เคยกล้าทำอะไรใหม่ หรือ มองถึงการเปลี่ยนแปลง และเรียนรู้อะไรใหม่ๆเลย!


มา “เติม” และ “เติบโต” กันดีกว่า

หากอยากเปลี่ยนแปลง เป็นคนและองค์กรที่เติบโตไปข้างหน้า ผมมีเทคนิคและประสบการณ์ส่วนตัวที่ใช้แล้วได้ผลมาแนะนำ

  1. “เติมความรู้” เรียนรู้อะไรใหม่ๆ และหาวิธีการ “นำมาใช้กับตัวเองและองค์กร” ไปดูงานบริษัทหรือทีมงานอื่นๆ ที่เค้าเติบโต และมีอะไรใหม่ๆ การเรียนรู้อะไรใหม่ๆ มักสร้างให้เรามีมุมมองอะไรใหม่ๆ อยู่เสมอ จงอย่าปฏิเสธการเรียนรู้อะไรใหม่ๆ
  2. “เติมโอกาส” เปิดโลก รู้จักคนให้มากขึ้น และโอกาส ก็จะมากขึ้นเช่นกัน อย่ามั่วแต่อยู่ใน office ที่บริษัท โอกาสมักไม่วิ่งเข้ามาหาเรา เราเองสิ ต้องวิ่งออกไปหามัน มีงานอะไรที่เกี่ยวข้องกับเรา หรือธุรกิจของเรา ควรจะออกไปร่วมและหาโอกาสไปบ้าง
  3. “เติมเต็มแผนการ” การวางแผนการ ว่าชีวิตคุณ หรือองค์กรคุณจะเป็นอย่างไรในระยะสั้นระยะยาว ที่มีแนวทางการดำเนินการอย่างชัดเจน และติดตามแผนการว่าเราดำเนินการไปเป็นอย่างไรบ้างแล้ว
  4. “เติมเต็มสิ่งที่ขาดไป” การเรียนรู้ความผิดพลาด ยอมรับและนำมาปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นไป คือปัจจัยของความสำเร็จอย่างยั่งยืน และจะทำให้เกิดการพัฒนาและก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว (นี้คือแนวทางของ Kai Zen)
  5. “เติมเต็มให้ผู้อื่น” เมื่อคุณได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ จงอย่างเก็บไว้คนเดียว การแบ่งปันให้ผู้อื่นๆ ที่อยู่รอบๆ ตัวคุณ จะทำให้ตัวคุณเองยิ่งได้กลับมามากขึ้น ลองอ่าน “ยิ่งคุณให้คนอื่นมากเท่าไร เรายิ่งได้รับกลับมามากเท่านั้น” แล้วคุณจะเข้าใจมากขึ้น
ผมว่าแค่ “เติม 5 อย่างนี้ให้กับตัวคุณ หรือ องค์กรของคุณ ผมเชื่อว่า จะนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงให้กับคุณและองค์กรคุณได้ไม่อยาก” ผมทำมาแล้ว และทำอยู่ในทุกๆ วัน ครับ ได้เวลามองย้อนกลับไปมองตัวคุณหรือองค์กรคุณแล้วละครับ..!


ปล. ขอบคุณอา เจ็กเล็กผม ที่สอน-สร้างโอกาสและการเรียนรู้ให้ผมอยู่เสมอ


Written by pawoot

2010/06/30 at 6:16 AM

9 Responses

Subscribe to comments with RSS.

  1. สุดยอดป้อม!! เจ็กมีความภูมิใจในหลานชายคนนี้มากที่ได้กล้าคิด กล้าทำ กล้าลองผิด กล้าตัดสินใจ กล้าล้มเหลวเพื่อเรียนรู้ที่จะได้ชัยชนะ นี้เป็นอีกหนึงระบบความคิดที่ป้อมได้เรียนรู้นำมาประสมประสานกันจนเป็นความนึกคิดและ idea ของตัวเอง
    ชอบข้อ 5 มากๆ “เติมเต็มให้ผู้อื่น” ความสุขเกิดจากการได้แบ่งปัน ยิ่งให้ยิ่งได้ หากองค์กรไหนที่มีผู้บริหารหรือพนักงานที่มีแนวความคิดนี้ องค์กรนั้นๆจะไปเหนือคู่แข่ง เพราะพวกเขาไม่ได้เอาเงินเป็นที่ตั้ง แต่พวกเขาเอาความสุข ความถูกต้องและการแบ่งปันเป็นที่ตั้ง
    มีองค์หนึ่งประเทศไทยคือ “BNI(Thailand)” ที่ใช้ปรัชญานี้ “Givers’ Gain” ผู้ให้คือผู้ได้รับ ซึ่งผมเพิ่งเข้าไปสัมผัสและได้รับถึงพลังของการให้จากทุกๆคนในทีม ลองดูที่ link นี้ http://www.bnithailand.com/about-bni

    Good…Good..Pom…that’s the way to do it.

    Like

    เจ๊กเล็กใน

    2010/06/30 at 10:23 AM

  2. “เติม 5 อย่างนี้ให้กับตัวคุณ หรือ องค์กรของคุณ ผมเชื่อว่า จะนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงให้กับคุณและองค์กรคุณได้ไม่อยาก”

    ได้ไม่ยากรึเปล่าพี่

    Like

    @naynarajitt

    2010/06/30 at 11:23 AM

  3. ขอบคุณที่เขียนเนื้อหาดีๆให้อ่านครับ ขอขอบคุณด้วยการตั้งใจอ่านนะครับ ^^

    Like

    @imsamai

    2010/06/30 at 11:24 AM

  4. ขอบคุณครับ 🙂

    Like

    @thaimarketing

    2010/07/02 at 6:29 AM

  5. หลักการนี้ยอดเยี่ยมมากครับ การเปิดรับและแบ่งปัน
    บางคนเปิดบางคนปิด บางคนได้ยินบางคนไม่ได้ยิน
    ถึงอย่างไรเราก็ยังแบ่งปัน เพราะเราได้รับทุกครั้งที่แบ่งปัน
    ขอบคุณครับคุณเล็กคุณป้อมที่แบ่งปัน…Joe

    Like

    Joe

    2010/07/02 at 2:10 PM

  6. บทความของป้อมทำให้อาคิดได้หลายอย่าง ในองค์กรไม่ว่าจะเป็นองค์กรธุรกิจส่วนตัว หรือองค์กรส่วนรวม หากปฏิบัติอย่างนี้และจริงใจ คงเจริญไม่มีที่สิ้นสุด อาทึ่งในความสามารถของป้อม มิน่าล่ะ มีแต่ความดีแบบนี้ ทั้งตระกูล จึงเจริญรุ่งเรืองอย่างหาใครเปรียบไม่ได้ อาชื่นใจจริงๆ
    อากำธร-อุไร ล้อวงศ์งาม

    Like

  7. สวัสดีครับ คุณอากำธร-คุณอาอุไร ขอบคุณสำหรับคำชมครับ ผมเองก็ชื่นชอบ และชื่นชมครอบครัว ล้อวงศ์งามมากครับ ที่อุทิศหลายสิ่งหลายอย่างให้กับธรรมะ หากมีโอกาสแจ้งมาได้เลยนะครับยินดีช่วยและสนับสนุนครับ

    Like

    pawoot

    2010/08/06 at 5:29 PM

  8. ขอชื่นชมในต้ว ลูกป้อมมากๆ เมื่อวานได้ดู TV ตอนเช้า 22 ก ย 2553 วันนี้ มาเปิด email ยิ่งชื่นชม ใหญ่ ไปประชุมโรตารี่ จึงบอกกับ ป๊า ป้อม ว่า มันเก่งเหมือนมึงจริงๆ ป๊าป้อม ยิ้ม ภูมิใจมากเช่นกัน ขอให้ลูกป้อม มีความสุข ความเจริญยิ่งๆขึ้น

    Like

  9. สวัสดีครับพี่ป้อม ป๊าพูดให้ฟังเรื่องพี่อยู่บ่อย ๆ อยากจะรบกวนโทรไปปรึกษาหรือไปพบพี่ปรึกษาพี่บ้างไม่ทราบว่าพี่จะมีโอกาสให้ผมนิดหนึ่งไหมครับ

    ตอนนี้ก็กำลังอยากจะเริ่มต้นอะไรออนไลน์อยู่เหมือนกันครับถ้าได้ยังไงส่งเมลเบอร์โทรพี่ให้ผมก็ได้แล้วผมจะติดต่อพี่กลับไปเองครับ

    ขอบคุณมากครับ

    ปล. อันนี้เป็นเว็บที่ผมทดลองทำดู.. ถ้ายังไงรบกวนพี่ไปดูแล้วช่วยแนะนำให้สักนิดนึงนะครับ

    Like


Leave a reply to @naynarajitt Cancel reply